เที่ยวตรงๆ “เบตง” ก่อนหมดโปร ‘หรอยแรง แหล่งใต้ สไตล์นกแอร์’  

418

เพราะแพ็กเกจทัวร์ ‘บินตรง เบตง เฟส 2’ ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับสายการบินนกแอร์และกลุ่มพันธมิตรบริษัททัวร์ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ ‘ทัวร์เบตง’ จึงกลับมาร้อนแรงอีกครั้งเพราะหลายคนก็อยากเปิดประสบการณ์ใหม่กับการบินตรงจากสนามบินดอนเมืองไปลงที่สนามบินเบตง ภายในเวลาเพียง 1.45 ชั่วโมง แทนการนั่งรถตู้จากหาดใหญ่ที่กว่าจะลัดเลาะไปถึงเบตงก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง

และเนื่องจากนกแอร์มีไฟลท์ดอนเมือง-เบตง เพียงสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ในวันอาทิตย์ วันอังคาร และวันศุกร์ โปรแกรม #เบตง หรอยแรง แหล่งใต้ สไตล์นกแอร์ จึงมีทั้งแบบ 3 วัน 2 คืน และ 4 วัน 3 คืน ซึ่งสำหรับคนที่ไม่มีเวลามาก โปรแกรม 3 วันจึงถือเป็นทริปกำลังเหมาะ เพราะสามารถเก็บไฮไลต์ของเบตงได้ครบถ้วนทั้งแหล่งเที่ยวและแหล่งกิน

เริ่มวันแรก เที่ยวบิน DD622 ก็ชวนลูกทัวร์ร้องว้าว! ตั้งแต่บินเข้าเขตเบตงแล้ว เพราะมองจากบนเครื่องลงมาจะเห็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ในแนวเขาสันการาคีรี โดยเมื่อแลนดิ้งเรียบร้อย ภาพแรกที่ทุกคนไม่พลาดบันทึกก็คือบรรยากาศบนรันเวย์สนามบินเบตงนั่นเอง ก่อนจะขึ้นรถตู้ไปประเดิมมื้อเที่ยงที่ร้านครัวสมุย ซึ่งถ้าใครคิดว่าจะเจออาหารปักษ์ใต้หรือแกงไตปลาคงต้องแปลกใจ เพราะเบตงได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งอาหารจีนดั้งเดิมที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความอร่อยแบบจัดเต็ม อิ่มท้องแล้วก็ไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุอยู่ภายในเจดีย์ที่มีความสูงร่วม 40 เมตรที่ วัดพุทธาธิวาส หรือวัดเบตง

จากนั้นมุ่งหน้าสู่ปลายสุดทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแนวเขตแดนระหว่างเบตงกับรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย จุดเช็คอินห้ามพลาดคือ ป้ายใต้สุดแห่งสยาม และป้ายพิกัดต่างๆ ทั้งในฝั่งไทยและฝั่งมาเลเซีย ก่อนกลับเข้าเมืองมาเดินเล่นและถ่ายรูปที่ สตรีทอาร์ตเบตง (Street Art Betong) แลนด์มาร์คใหม่ที่ถ่ายทอดวิถีชีวิตและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของชาวเบตง รวมถึงสัญลักษณ์ต่างๆ ผ่านภาพเขียนทั้งหมด 11 จุด บนผนัง ใต้สะพาน และบนอาคารบ้านเรือนรอบเมือง ต่อด้วย อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ จุดสตาร์ทโครงการก้าวคนละก้าวของ ตูน บอดี้สแลม และไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่วัดกวนอิม

แวะเช็คอินที่แกรนด์แมนดาริน เบตง โรงแรมที่โดดเด่นเห็นตั้งแต่อยู่บนเครื่องบิน เจ้าของสถิติ ‘สูงที่สุดในเบตง’ เพราะสูงถึง 25 ชั้น ก่อนจะจัดเต็มดินเนอร์มื้อแรกที่ร้านต้าเหยิน ร้านอาหารดั้งเดิมชื่อดังของเบตง ซึ่งจากประสบการณ์อร่อยร่วม 40 ปี ใครมาเมืองนี้ถ้าไม่ได้ลิ้มรสชาติที่นี่คงต้องกลับไปแก้ตัวสักมื้อ อิ่มแล้วก็เดินชมแสงไฟประดับสวยงามที่วงเวียนหอนาฬิกา ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับตู้ไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อายุ 98 ปี โดยมีบรรดาสตรีทฟู้ดตามซอกซอยต่างๆ ร่วมสร้างสีสันเบตงยามค่ำอย่างคึกคัก

รุ่งเช้าล้อหมุนตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง เพราะจากโรงแรมถึงเขาไมโครเวฟห่างกันถึง 32 กิโลเมตร และยังต้องเปลี่ยนไปขึ้นรถสองแถวท้องถิ่นของชุมชน แต่ทุกคนก็พร้อมเต็มที่เพราะไฮไลต์ของทริปนี้คือการชมทะเลหมอกอัยเยอร์เวง บนความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล โดยปลายระเบียงสกายวอล์คที่ยื่นออกไปจะเป็นพื้นกระจกใสให้มองทะลุลงไปชมวิวสีเขียวด้านล่าง ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและดื่มด่ำกับทะเลหมอกยามเช้าแล้วก็เปลี่ยนบรรยากาศไปชมสะพานแขวนแตปูซู สะพานไม้ของชาวบ้าน ก่อนกลับเข้าเมืองมากินติ่มซำที่ร้านไทซีฮี้

โปรแกรมเที่ยววันนี้ต้องผ่านร้านอร่อยระดับตำนาน เราจึงไม่พลาดแวะร้านวุ้นดำ กม.4 ร้านเฉาก๊วยที่ต้มเคี่ยวหญ้าเฉาก๊วยด้วยเตาฟืนแบบดั้งเดิม จากนั้นจึงไปชมอุโมงค์ปิยะมิตร อดีตฐานที่มั่นของโจรคอมมิวนิสต์มาลายา ปัจจุบันจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภาพถ่ายและยุทธปัจจัยการรบในอดีต ก่อนจะไปชมสวนหมื่นบุปผา หรือสวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง แหล่งเพาะปลูกไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิดในโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และทานอาหารกลางวันเลื่องชื่อที่ร้านอาหารสวนหมื่นบุปผา นั่นคือ ปลานิลสายน้ำภูเขา

บ่ายๆ อากาศเหมาะกับการพักแช่เท้าที่บ่อน้ำร้อนเบตง บ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ แล้วจึงไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึกส่งท้ายที่ป้าย OK BETONG และหลักกิโลเมตรเบตง แวะซื้อของฝากจากท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป รังนก ยาจีน ซีอิ๊วเบตง หมี่เหลืองเบตง ส้มโชกุน ฯลฯ ก่อนกลับมาดินเนอร์ที่ห้องอาหารของโรงแรม และพักผ่อนคืนสุดท้าย เพราะรุ่งขึ้นหลังจัดการอาหารเช้าแล้วก็ได้เวลาไปสนามบินเบตงเพื่อขึ้นไฟลท์ DD623 กลับมาจิบน้ำชายามบ่ายที่สนามบินดอนเมืองด้วยความประทับใจ

ขอบคุณ CCT Express ที่จัดเต็มทริปบินตรงเบตงได้อย่างเต็มอิ่ม และชวนให้อยากกลับไปส่งท้ายไฟลท์สุดท้าย…อีกสักทริป!!