บี-ควิก รุกเต็มกำลังขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ต

263

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บี-ควิก ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ต่างจากธุรกิจอื่น แต่บริษัทก็สามารถผ่านช่วงเวลายากลำบากนั้นมาได้ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ทุกคนพร้อมปรับวิธีการทำงานเพื่อให้ธุรกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ในทางกลับกันก็ยังลงทุนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง หลังสถานการณ์คลี่คลาย บี-ควิก จึงสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังคงครองตำแหน่งผู้นำในตลาดศูนย์บริการรถยนต์แบบครบวงจร โดยในปี 2565 นี้ บี-ควิก จึงพร้อมก้าวสู่วงการมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการแข่งขันรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อย่าง Thailand Super Series โดยใช้ชื่อรายการแข่งขันว่า B-Quik Thailand Super Series”

มร.เฮงก์ โจฮัน คิกส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสูงสุด กล่าวถึงที่มาในการเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของรายการ Thailand Super Series ว่า “บี-ควิก คลุกคลีในวงการมอเตอร์สปอร์ตมามากกว่า 8 ปีแล้ว โดยส่งนักขับลงแข่งขันภายใต้ชื่อทีม B-Quik Racing ซึ่งทั้งช่างและนักขับในทีมล้วนเป็นพนักงานของบี-ควิกทั้งหมด เพราะบี-ควิก ต้องการพัฒนาทักษะของพนักงานให้มีความชำนาญในเรื่องของการซ่อมให้มากยิ่งขึ้น การที่รถแข่ง 1 คัน จะลงเข้าแข่งขันในสนามนั้น ต้องผ่านกระบวนการต่างๆ มากมาย ต้องใช้ความแม่นยำ ทักษะที่ชำนาญในการเนรมิตรถแข่งให้มีศักยภาพในการคว้าชัยชนะมาให้ได้ ซึ่งทักษะต่างๆ เหล่านี้ หากพนักงานของเราได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกฝน ก็จะช่วยพัฒนาเรื่องของความชำนาญและความแม่นยำ เพื่อนำกลับไปใช้ในการบริการลูกค้าที่สาขาได้เป็นอย่างดี”

สำหรับในปีนี้ บี-ควิก ได้ลงทุนในระบบต่างๆ เพื่อพัฒนาการบริการให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัลและให้เป็นมิตรกับผู้บริโภคมากที่สุด โปรแกรมหลักที่ บี-ควิก ลงทุนคือโปรแกรมการจัดเก็บข้อมูลและใช้ข้อมูลในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า พร้อมทั้งมีระบบการสมัครสมาชิกที่มีชื่อว่า “B-Member” ซึ่งเป็นโปรแกรมสะสมคะแนนจากยอดใช้จ่าย เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์จาก บี-ควิก และพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงมีการลงทุนพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ในการทำงานหลักภายในสาขา เพื่อให้พนักงานทำงานง่ายขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับระบบ B-Member นี้ได้ โดย บี-ควิก คำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability) ในการทำธุรกิจด้วยเช่นกัน เพราะหากซอฟต์แวร์เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยลดการใช้กระดาษได้มากขึ้นกว่า 50% เพราะพนักงานสามารถเสนอขายสินค้าผ่าน Tablet รวมถึงขั้นตอนการอนุมัติของลูกค้า การเบิกสินค้า การปิดการขายในระบบ สามารถทำได้ผ่านซอฟต์แวร์นี้เป็นหลัก ซึ่งเป็นการสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้าอีกด้วย

ในแง่ของพนักงาน ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำงานในธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ บี-ควิก ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเป็นอย่างมาก โดยบี-ควิก ลงทุนสร้าง Training Center ศูนย์ฝึกอบรมที่พัฒนาหลักสูตรให้เหมาะกับธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์ และมีการนำระบบ e-Learning เข้ามาร่วมใช้ในการฝึกอบรมพนักงานด้วยเช่นกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงาน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าอบรมหรือเข้าถึงบทเรียนของแต่ละคนได้ โดย บี-ควิก มีการพัฒนาหลักสูตรการอบรมให้กับพนักงานตลอดทั้งปี

ด้านกิจกรรมทางการตลาด บี-ควิก ยังคงมีการจัดกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดงานเปิดสาขาใหม่ (Grand Opening) ด้วยโปรโมชั่นที่คุ้มค่า หรือการจัดงาน B-Quik Expo ที่ได้กลายเป็นงานประจำปีของ บี-ควิก ที่ลูกค้าหลายๆ ท่านรอคอย และสอบถามเข้ามาตลอดเวลา รวมถึงโปรโมชั่นประจำเดือนที่ บี-ควิก จัดให้ลูกค้าเป็นประจำ ขณะเดียวกัน บี-ควิก ก็ยังคงลงทุนขยายสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่กำลังดำเนินการขยายสาขาที่ 3 เพิ่มเติม หรือแม้กระทั่งในอินโดนีเซีย ก็มีการขยายสาขาอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับในประเทศไทยง บี-ควิก คาดว่าจะมีสาขาครบ 200 สาขาภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 นี้