แม้ปัจจุบัน เทคสตาร์อัพของเมืองไทย จะยังไม่มีรายได้ก้าวไปแตะระดับยูนิคอร์น หรือธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้ แต่ก็มียูนิคอร์นในย่านอาเซียนหลายๆ ราย รุกเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ทั้ง ทราเวลโลก้า จากอินโดนีเซีย, ลาซาด้าจากสิงคโปร์ หรือ แกร็บ แท็กซี่ จากมาเลเซีย
และวันนี้ อีกหนึ่งยูนิคอร์นอาเซียน ที่เป็นที่รู้จักในประเทศไทย ก่อนการเข้ามา โกเจ็ก (Go Jek) แอปพลิเคชันเรียกใช้บริการเดินทาง ขนส่ง จากอินโดนีเชีย พร้อมแล้วในการรุกเข้าสู่ประเทศไทย
โกเจ็ก ประกาศตัวเข้าสู่เมืองไทยตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่รูปแบบการทำธุรกิจจะแตกต่างจากสตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นก่อนหน้าทั้ง 3 ราย คือ ใช้การร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศไทย พร้อมสร้างแบรนด์ขึ้นใหม่ ในเชื่อ “เก็ท” (GET) เนื่องด้วยผู้บริหารโกเจ๊กมองเห็นปัญหาการให้บริการแอพพลิเคชั่นเรียกใช้บริการรถขนส่งสาธารณะในเมืองไทย ที่ยังมีปัญหาทั้งกฎหมายรองรับ และการต่อต้านจากบรรดาวินมอเตอร์ไซค์ และผู้ขับแท็กซี่ จึงคิดว่าน่าจะให้พันธมิตรในเมืองไทยที่เข้าใจกับปัญหานี้เป็นผู้นำทาง
ภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ “เก็ท” กล่าวว่า ทีมงานเก็ทใช้เวลากว่า 1 ปีก่อนเปิดให้บริการ ในการพูดคุยกับทุกส่วนที่เกี่ยข้องกับการให้บริการ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อให้ได้แนวทางในการทำธุรกิจที่ดีที่สุด โดยในระยะเวลา 2 เดือนของการทดลองใช้ มีการเรียกทริปใช้บริการเข้ามาแล้วกว่า 2 ล้านครั้ง คนขับของเก็ทได้เดินทางไปทั่วกรุงเทพฯ แล้วเป็นระยะทางกว่า 3 ล้านกิโลเมตร
ขณะที่ นาดีม มาคาริม ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โกเจ็ก กล่าวว่า แนวทางการทำธุรกิจของ เก็ท จะให้ความสำคัญกับคนขับ เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบหลักที่เสริมความแข็งแกร่ง นอกเหนือจากเทคโนโลยีระดับโลกจากโกเจ็ก เพื่อโน้มน้าวให้กลุ่มคนขับหันมาใช้แอปฯ ในการสร้างรายได้มากขึ้น โดยเก็ท สร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าแอปพลิเคชันเรียกรถอื่นๆ คือการยกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มคนขับ โดยจัดเตรียมการฝึกอบรม มีการประกันยานยนต์ และประกันชีวิตสำหรับคนขับรวมถึงสมาชิกในครอบครัว จัดโปรแกรมการออม และกิจกรรมสำหรับกลุ่มคนขับโดยเฉพาะ และมีศูนย์บริการสำหรับคนขับ และร้านค้าที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
“เราไม่ได้เข้ามาเพื่อแย่งงานวินมอเตอร์ไซค์ แต่เราเข้ามาเพื่อสร้างงาน เพิ่มรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับวินมอเตอร์ไซค์ มีสวัสดิการ มีการออม แม้จะเป็นเป้าหมายที่ไม่ง่ายนัก แต่เก็ทก็จะสร้างให้เกิดขึ้น”
ในช่วงแรก เก็ท ให้บริการ 3 ส่วน ประกอบด้วย GET WIN บริการเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้าง, GET DELIVERY บริการรับส่งพัสดุ และ GET FOOD บริการรับส่งอาหาร โดยในส่วนของ GET WIN จะรับสมาชิกเฉพาะรถจักรยานยนต์รับจ้างป้ายเหลืองที่มีใบอนุญาติถูกต้อง ขณะที่ GET DELIVERY และ GET FOOD จะรับสมาชิกรถจักรยานยนต์ป้ายขาว
โดยไฮไลท์ของการบริการ คือ GET FOOD ผู้บริโภคสามารถใช้บริการอาหารกว่า 20,000 ร้านบนแพลตฟอร์ม ตั้งแต่ร้านสตรีทฟู้ดจนถึงร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ โดยอัลการิทึมของเก็ท ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนผู้ค้าทุกราย ไม่เพียงแค่เฉพาะร้านที่ขายดีเท่านั้น เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายและเพิ่มการรับรู้ของร้านอาหารทุกแห่งที่อยู่บนแพลตฟอร์ม ด้านฟีเจอร์ Shuffle Card ของโกเจ็ก ในแอปของเก็ท จะสามารถแนะนำอาหารที่เหมาะเฉพาะบุคคล ซึ่งคำนวณจากเวลาและตำแหน่งที่ผู้ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน เพื่อช่วยเติมเต็มประสบการณ์ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
“ทีมผู้บริหารเก็ท ได้ทำงานร่วมกับภาครัฐอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมขนส่งพัฒนาไปสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว นี่เป็นแนวคิดในการพัฒนาบริการ GET WIN หรือบริการเรียกรถ ที่ เก็ท ร่วมมือเฉพาะวินที่ถูกกฎหมายเท่านั้นเพื่อให้บริการรับส่งผู้โดยสาร โดยมุ่งสนับสนุนให้ชุมชนวินเป็นส่วนหนึ่งของยุคเศรษฐกิจยุคดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นาดีม กล่าว
ภิญญากล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ทั้งป้ายเหลือง และป้ายขาวมาลงทะเบียนเป็นสมาชิกเก็ทแล้ว 1 หมื่นคน สามารถให้บริการครอบคลุมพื้นที่ราว 80% ของกรุงเทพฯ คาดว่าภายในไตรมาสแรกนี้จะสามารถให้บริการครบ 100% ของพื้นที่กรุงเทพฯ พร้อมตั้งเป้าในการให้บริการให้กับคนกรุงเทพฯ ได้ถึง 1 ล้านคนในปีแรกของการให้บริการ
โดยในช่วงเปิดตัว ผู้ใช้งาน GET WIN จะได้รับส่วนลด 50% ในทุกๆ การใช้งาน ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 7 มีนาคมนี้ เพียงใส่โค้ด WEGETYOU ส่วนผู้ใช้ GET FOOD สามารถใช้บริการฟรีตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 13 มีนาคมนี้