ถามคนไทยส่วนใหญ่ รู้จักแบรนด์ฟิลิปส์ในสินค้าประเภทใด เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเลือกสินค้าในกลุ่มแสงสว่าง หลอดไฟ หลอดฟลูออเรสเซนต์ เพราะเป็นสินค้าที่อยู่คู่กับสังคมไทยมายาวนานถึง 66 ปี
จริงแล้วฟิลิปส์ถือเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เคยมีสินค้าครบวงจรมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก แบรนด์จากแดนกังหันลม เนเธอร์แลนด์นี้ มีสินค้าเด่นอย่างโทรทัศน์สี เครื่องเสียง ซึ่งฟิลิปส์เป็นแบรนด์แรกของโลกที่เปิดตลาดคอมแพคดิสก์ในปี 1979 เครื่องเล่นวิดีโอ ดีวีดี บลูเรย์ หูฟัง เครื่องเสียงติดรถยนต์ มีโทรศัพท์มือถือ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เตารีด เครื่องดูดฝุ่น เครื่องชงกาแฟ อุปกรณ์ทำอาหาร อุปกรณ์ทำผม ไปจนถึงเครื่องมือทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์ส่องสว่าง
แต่ในปี 2559 ฟิลิปส์บริษัทแม่ในเนเธอร์แลนด์ เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เมื่อกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ส่องสว่าง ฟิลิปส์ ไลท์ติ้งได้แยกตัวออกจากกลุ่มฟิลิปส์ และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยูโรเน็กซ์ที่อัมสเตอดัม (Euronext Stock Exchange) และอยู่ในดัชนี AEX ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561
โดยผลจากแยกตัวครั้งนั้น ฟิลิปส์ที่ยังคงมีธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน และเครื่องมือแพทย์ ได้ใช้ชื่อ “ รอยัล ฟิลิปส์” ขณะที่ ฟิลิปส์ไลท์ติ้ง ที่แยกออกมาต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับตามกฎหมาย ให้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่ภายในเวลา 18 เดือน เพื่อแยกตัวออกจากฟิลิปส์อย่างเต็มตัว
และชื่อบริษัทใหม่ที่จะเข้ามาแทนที่คือ “ซิกนิฟาย”(Signify) โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลในทุกประเทศภายในต้นปี 2562
“Signify มีความหมายถึง การสื่อความหมาย ซึ่งนอกเหนือจากการต้องเปลี่ยนชื่อบริษัทตามข้อปฏิบัติตามกฏหมายแล้ว วันนี้ ผลิตภัณฑ์ส่องสว่างไม่เป็นแค่ผลิตภัณฑ์ แต่แสงสว่างในยุค Internet of Things มีความฉลาด และสื่อความหมายได้มากกว่าการทำหน้าที่ให้ความสว่าง Light is a New Intelligence Language แสงสว่างกลายเป็นภาษาอัจฉริยะภาษาใหม่ ที่เชื่อมต่อและสามารถสื่อความหมายได้ “ เฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เฉลิมพงษ์กล่าวว่า 3 เทรนด์สำคัญของแสงสว่างในวันนี้ หนึ่งคือ จำนวนประชากรของโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการแสงสว่างมีเพิ่มมากขึ้น สองคือ ความท้าทายด้านทรัพยากรที่มีจำกัด ทำให้ความต้องการแสงสว่างที่ประหยัดพลังงานมีมากขึ้น และสามคือ การมุ่งสู่ยุคดิจิทัล ที่แสงสว่างต้องสามารถเชื่อมต่อกับดิจิทัลมากขึ้น
โดยโซลูชั่นแสงสว่างที่ซิกนิฟายนำเสนอ เริ่มตั้งการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้าภายในบ้าน ที่เจ้าของบ้านสามารถสั่งการเปิด-ปิดหลอดไฟภายในบ้านจากที่ไหนก็ได้ผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน หรือการปรับบรรยากาศแสงไฟภายในบ้านให้รับกับแต่ละช่วงเวลา เช่นสว่างขึ้นเวลาเช้า หรือลดแสงลงเวลาเข้านอน ระบบแสงสว่างในห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่สามารถปรับไฟเพื่อให้สินค้าดูสดใหม่ ระบบไฟที่สามารถเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่น เปลี่ยนเป็น GPS ที่พาลูกค้าเดินไปสู่ชั้นวางสินค้าที่ต้องการ หรือระบบไฟที่สามารถเก็บข้อมูล Big Data ในการหาพื้นที่หนาแน่นเพื่อใช้ในการวางแผนการตลาด รวมถึงระบบแสงสว่างบนท้องถนน ทั้งจากระบบโซลาเซลล์ และระบบไฟฟ้าที่สามารถสั่งเปิด-ปิดได้จากแอพพลิเคชั่น และสามารถปรับระดับแสงให้เหมาะสมกับสภาพถนน
แต่ในส่วนของผลิตภัณฑ์หลอดไฟ ที่จำหน่ายถึงผู้บริโภค บริษัท ซิกนิฟายจะยังคงใช้ชื่อ “แบรนด์ฟิลิปส์” สำหรับผลิตภัณฑ์ในตลาดเช่นเดิม ภายใต้สัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ (Licensing Agreement) ที่มีกับรอยัล ฟิลิปส์
โดยตลาดผลิตภัณฑ์ส่องสว่างในปีนี้มีมูลค่าราว 2.6 หมื่นล้านบาท รวมหลอดไฟ และโคมไฟ เฉลิมพงษ์คาดว่า ในปีนี้กลุ่มหลอดไฟ LED ที่เป็นกลุ่มใหญ่ในตลาด วันนี้เริ่มอิ่มตัวกับจากกลุ่มหลอดกลม และหลอดตะเกียบที่ส่วนใหญ่เปลี่ยนมาใช้หลอด LED แล้ว แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกจากการเปลี่ยนของหลอดยาวฟลูออเรสเซนต์ ที่ถือเป็นตลาดหลอดไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ยังมีการเปลี่ยนมาใช้หลอด LED กันน้อย คาดว่าส่วนนี้จะทำให้ตลาดรวมเติบโตได้อีกราว 20%
แต่เฉลิมพงษ์มองไปถึงโอกาสต่อไปว่า เมื่อผลิตภัณฑ์ส่องสว่างการเป็นโซลูชั่นที่สามารถออกแบบได้แตกต่างกันไปตามการใช้งาน หมายความว่าตลาดนี้จะมีโอกาสเติบโตได้อย่างไม่จำกัด และซิกนิฟายก็จะขอเป็นผู้นำในตลาดนี้