“เมกาซิตี้” เป้าหมายยั่งยืนของ เมกาบางนา เมืองและการใช้ชีวิตเบ็ดเสร็จในที่เดียว

1957

การทำธุรกิจในวันนี้ ไม่ว่าสินค้า หรือบริการของคุณจะอยู่ ณ จุดไหนในตลาดก็ตาม จะเป็นผู้นำ กินส่วนแบ่งยืนเด่นสูงสุดของตลาด หรือจะพอใจอยู่กับตำแหน่งผู้ตามที่มีส่วนแบ่งตลาดสวยๆ  หากคุณคิดพอใจแล้วปล่อยให้ธุรกิจนิ่งอยู่ตรงนั้น  หมายถึงคุณกำลังพาธุรกิจของคุณสู่ความถดถอย โอกาสที่ผู้ตามจะสปีดแซงหน้ามาเป็นไปได้ไม่ยากเลย

เมกาบางนา ศูนย์การค้ายักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของกรุงเทพฝั่งตะวันออก ก็มองเช่นนั้น  วันนี้ความยิ่งใหญ่ของเมกาบางนา ดึงผู้เข้ามาใช้ชีวิต ใช้บริการ ถึงปีละ 42 ล้านคน ถือว่ามากจนหลายๆ ศูนย์การค้าอิจฉา แต่ความน่ากลัวของธุรกิจในวันนี้ไม่ได้อยู่ที่คู่แข่ง แต่เป็นตัวผู้บริโภค ลูกค้า 42 ล้านคนนั่นเอง ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วในยุคดิจิทัล หากเมกาบางนาในปีหน้าและปีต่อๆ ไปยังคงมีขนาด และมีรูปแบบการบริการอยู่เพียงแค่นี้ ไม่นานความนิยมก็คงหดหายไป

แนวคิดของเมกาซิตี้ จึงผุดขึ้นหลังจากเมกาบางนาเปิดให้บริการมา 5 ปี จากแนวคิดของ คริสเตียน โอลอฟสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา คนก่อน ที่วันนี้ได้รับการโปรโมทขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การค้าและโครงการมิกซ์ยูส อิเกีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะพัฒนาเมกาบางนาให้เป็นเมกาซิตี้ Total Destination ที่รวมเอาทุกส่วนประกอบของการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด อาคารสำนักงาน โรงเรียน ศูนย์การค้า สวนสนุก ศูนยการแสดง มารวมอยู่ในที่แห่งนี้

วันนี้ ปพิตชญา สุวรรณดี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนาคนใหม่ เข้ามาสานต่อแผนงานนี้ ด้วยส่วนต่อขยาย “เมกา ฟู้ดวอล์ค” ที่มีพื้นที่ค้าปลีกกว่า 10,000 ตารางเมตร มีร้านค้าเพิ่มอีก 29 ร้าน รวมร้านอาหารทั้งศูนย์จะมีทั้งสิ้น 166 ร้าน และอาคารจอดรถ 7 ชั้น  ที่เปิดใหม่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา รองรับรถได้ 1,200  คัน  ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนผู้ใช้บริการของเมกาบางนาถึง 15% ในเดือนธันวาคม 2560 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

แต่ในปีนี้ เมกาบางนา ประกาศเริ่มการพัฒนาส่วนต่อขยายอีก  2 เฟส เพื่อก้าวสู่เมกาซิตี้ ด้วยการดึง 2 แม็กเน็ตสำคัญมาไว้ ประกอบด้วย

ธีมพาร์ค แหล่งท่องเที่ยวบันเทิงแบบอินเตอร์แอคทีฟ   เดอะ มาร์เวล เอ็กซ์พีเรียนซ์” (Marvel Experience) แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  บนพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร ที่จะรวมเอาบรรดาฮีโร่จาก The Avenger มารวมไว้ ถือเป็นครั้งแรกที่ Marvel Experience ออกมาเปิดนอกสหรัฐอเมริกา โดยจะพร้อมเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคมปีนี้

อีกโครงการสำคัญที่จะเปิดให้บริการในปีนี้เช่นกัน คือ โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติดิษยะศริน กรุงเทพ  ในเครือเดียวกับโรงเรียน ดิ อเมริกัน สคูล ออฟ แบงค็อก  (The American School of Bangkok) บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษาคมนี้ และเปิดเรียนเทอมแรกในเดือนสิงหาคมนี้

นอกจากนั้น ยังมีส่วนต่อขยายเพื่อเพิ่มพื้นที่กิจกรรมความบันเทิงกึ่งการเรียนรู้ สำหรับเด็กๆและสมาชิกในครอบครัว (Indoor Family Entertainment Complex) ซึ่งเชื่อมต่อกับพื้นที่ เมกา คิดส์” ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงกลางปีหน้า เป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งของเมกาบางนา ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความสุขและการใช้ชีวิตสำหรับครอบครัว

ขณะที่ในปีนี้ยังมีโครงการ เมกา พาร์ค” (Mega Park) พื้นที่สีเขียวให้ลูกค้าของเมกาบางนาได้ใช้พักผ่อนกับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน รวมถึงเมกาบางนาได้เปิดให้บริการถนนวงแหวนที่อยู่ล้อมรอบศูนย์ ด้วยงบก่อสร้าง 120 ล้านบาท เพื่อรองรับปริมาณรถยนต์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาโครงการในอนาคต

ปพิตชญา ยังได้กล่าวถึงโครงการ High-Rise ที่จะเป็นส่วนเติมเต็มให้กับแผนเมกาซิตี้ว่า จะเป็นเฟสต่อไปที่จะต้องมองหาผู้ร่วมทุนเข้ามาช่วย โดยขณะนี้ได้ผู้ร่วมทุนในการทำโครงการของอารียา พรอพเพอร์ตี้ เป็น Residential ขนาด 1,300 ยูนิต อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขณะเดียวกันในส่วนของโรงแรม และอาคารสำนักงาน จะต้องรอแผนการลงทุนด้านระบบการขนส่งของรัฐบาล หากมีโครงการรถไฟฟ้าที่เชื่อมมาถึงก็จะเริ่มโครงการได้ ซึ่งคาดว่าแผนการสร้างเมกาซิตี้จะสำเร็จครบทุกส่วนได้ จะได้ใช้เวลาราว 14 ปี นับจากจุดเริ่มต้นปีที่แล้ว

ด้านคริสเตียน โอลอฟสัน  กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายให้เมกาบางนาเป็นศูนย์กลางชุมชนที่ทันสมัย และเป็นเมืองที่คนสามารถทำงานและพักอาศัย รวมทั้งช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร พบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และใช้เวลากับครอบครัว โดยเราจะแบ่งการพัฒนาเป็นหลายเฟส ซึ่งในที่สุดแล้ว โครงการเมกาซิตี้จะเป็นศูนย์รวมแห่งประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม อาคารสำนักงาน  ที่พักอาศัย และสวนพักผ่อน บนพื้นที่ 400 ไร่ สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากกว่า 250,000 คนต่อวัน ตามรูปแบบการพัฒนาแบบยั่งยืนในระดับเมือง ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโครงการ “เมกาซิตี้”

“พื้นที่บางนาเป็นพื้นที่ชานเมืองที่ได้รับความสนใจจากทั้งนักลงทุนและลูกค้าทั่วไปมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยกำลังซื้อของคนในพื้นที่ สถานศึกษาที่มีคุณภาพ และระยะทางที่ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติและโครงการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก รวมทั้งระบบขนส่งมวลชนในอนาคต ทั้งรถไฟฟ้า MRT และรถโมโนเรล ทำให้นักพัฒนาและนักลงทุนสนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาเมกาบางนาและเมกาซิตี้ แน่นอน”

ปพิตชญา กล่าต่อว่า  สำหรับปี 2561 เมกาบางนาทุ่มงบการตลาดเพิ่มอีก 20% จากปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับส่วน ต่อขยายที่เปิดใหม่ กับกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น ทั้งลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเมกาบางนาคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่ม 10% ในปีนี้