จากผลสำรวจโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ พบว่าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีที่อยู่อาศัยอายุตั้งแต่ 6-10 ปี ทั้งแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และแนวสูงจำพวกอาคารชุด คอนโดมิเนียม รวมมากกว่า 565,000 ยูนิต
ในฐานะผู้นำตลาดสีทาอาคาร จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มองว่า นี่คือโอกาสทางธุรกิจครั้งสำคัญ เพราะคาดว่าน่าจะมีที่อยู่อาศัยที่ถึงกำหนดต้องรีโนเวท จำนวน 130,000 ยูนิต ประมาณการพื้นที่ทาสีทั้งหมด 192 ล้านตารางเมตร หากคิดค่าทาสี 40 บาท/ตร.ม. ตลาดสีเฉพาะการรีโนเวทอย่างเดียวจะมีมูลค่าถึง 7,680 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่
ในโอกาสวาเลนไทน์และในเดือนแห่งความรักนี้ สีทีโอเอจึงได้จัดแคมเปญการตลาดใหม่ “Love Renovation” พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ กันต์ กันตถาวร ที่จะมาชวนคู่รักทุกเพศทุกวัยร่วมกิจกรรม “แต่งก่อนอยู่” ปลุกกระแสคู่รักให้หันมาสนใจตกแต่งที่อยู่อาศัย อาทิ เรือนหอ ให้มีความพร้อมก่อนถึงวันเริ่มต้นชีวิตคู่ รวมถึงคู่รักปัจจุบันหรือครอบครัวก็สามารถปรับปรุงบ้านให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง เพราะในการมองหาซื้อที่อยู่อาศัย ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องทำเลที่ตั้งและงบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญ ดังนั้น อาจทำให้ตัดสินใจซื้อโดยมองข้ามเรื่องวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะสีทาบ้าน ซึ่งมักพบปัญหาบ่อยครั้งในเวลาต่อมา เช่น สีลอกล่อน เป็นคราบสกปรกง่าย สาเหตุอาจมาจากการใช้สีทาบ้านที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการทาสีซ้ำใหม่ (Repaint) อยู่เสมอ
แต่ถ้าเลือกใช้สีซุปเปอร์ซิลด์ (SuperShield) ซึ่งเป็นสีน้ำอะคริลิกแท้ 100% เกรดคุณภาพสูงสุดจากทีโอเอ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Ti-Pure ไทเทเนียม 3 ชั้น ช่วยกันร้อน กันล่อน กันคราบ และมีความคงทน ยาวนานถึง 15 ปี ก็จะได้ความคุ้มค่าในระยะยาวนานกว่า 15 ปี
ทั้งนี้ คู่รักที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม “แต่งก่อนอยู่” สามารถร่วมสนุกได้โดยการลงทะเบียนผ่านเฟซบุ๊ก : toapaint และตอบคำถามว่า เหตุผลใดที่ทำให้ความรักของคุณยังคงมีกันและกัน เพื่อลุ้นรับบริการทาสีบ้านฟรี 1 รางวัล และรับผลิตภัณฑ์สีทาบ้านซุปเปอร์ชิลด์ 10 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้นกว่า 100,000 บาท ตั้งแต่วันนี้-23 กุมภาพันธ์ 2561
ปัจจุบัน สีทีโอเอมีส่วนแบ่งการตลาดในไทยสูงสุดถึง 48.7% จากมูลค่ารวม 19,200 ล้านบาท คาดว่าแคมเปญการตลาด “แต่งก่อนอยู่” นี้ จะช่วยกระตุ้นภาพรวมยอดขายทั้งปีในกลุ่มผลิตภัณฑ์อัลตร้าพรีเมี่ยมให้เพิ่มสูงขึ้น 10% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 160 ล้านบาท
