“พาที สารสิน” ไปไม่รอด! ลาแล้วตำแหน่ง CEO นกแอร์ ตัวเลขหนี้สะสม 3 ปีครึ่งพุ่งทะลุ 4.9 พันล้านบาท

3190

นับเป็นข่าวฮอตของวงการธุรกิจการบินกันเลยทีเดียว เมื่อ “พาที สารสิน” ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือCEO ของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หลังจากที่เป็นหัวแรงใหญ่ในการก่อร่างสร้างตัวสายการบินแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2547

โดยกระแสข่าวดังกล่าวนี้ แหล่งข่าวจากบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2560 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2560 มีมติรับทราบการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนายพาที สารสิน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 กันยายนนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้นายพาที สารสิน จะยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทเช่นเดิม

 

ย้อนรอยกระแสข่าว “ปลด-พาที”

กระแสข่าวปลด”พาที สารสิน” พ้นจากตำแหน่ง CEO สายการบินนกแอร์ ออกมาเป็นระยะในช่วงปีที่ผ่านมา และแรงขึ้นเรื่อยๆ ในปีนี้ เพราะที่ผ่านมาสายการบินนกแอร์ ภายใต้การบริหารของซีอีโอที่ในหัวใจมีแต่เสียงเพลงและดนตรีได้สร้างความปวดหัวให้กับผู้ถือหุ้นมาหลายครั้งหลายครา

ที่สร้าง “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” อย่างมากคือ กรณีที่เกิดความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารกับนักบินอย่างหนัก จนทำให้มีเหตุนักบินแห่ลาออกจำนวนมากกระทั่งทำให้ “นกแอร์” ต้องตัดลดเส้นทางบิน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมา

ร้อนถึง “การบินไทย” ซึ่งเป็นบริษัทแม่และผู้ถือหุ้นใหญ่ (39.20%) ในเวลานั้น ต้องออกมาประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องผ่าตัดใหญ่นกแอร์ และรวบอำนาจบริหารนกแอร์แบบเบ็ดเสร็จ รวมทั้งเข้าไปบริหารนกแอร์ในเชิงลึกได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ด้วยการตั้ง “THAI Group” พร้อมทั้งรวบ 3 สายการบินในเครือข่ายให้มาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด

จากนั้นก็มีข่าวจากคณะกรรมการบริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกมาอย่างต่อเนื่องถึงการลดบทบาทของ “พาที สารสิน” แม้ว่าช่วงหลังเจ้าตัวจะออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่ลาออก และก็ยังเชื่อมั่นว่าแนวโน้มของนกแอร์ปรับตัวดีขึ้น และจะพ้นวิกฤติและมีกำไรได้ภายในปี 2561 แน่นอน

กระทั่งล่าสุด “บอร์ดการบินไทย” กดดันอย่างหนักด้วยการประกาศไม่เพิ่มทุนในบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หลังจากที่บอร์ดนกแอร์ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 781.25 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ 781.25 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 625 ล้านหุ้น ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา

โดย “การบินไทย” ได้ชี้แจงเรื่องการไม่เพิ่มทุนในนกแอร์ว่า บอร์ดการบินไทยได้พิจารณาจากรายงานของคณะทำงานเฉพาะกิจ (Special Task Force) ที่ตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการลงทุนในสายการบินนกแอร์แล้ว พบว่าการบินไทยยังไม่สมควรลงทุนเพิ่ม และยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นลงด้วย

พร้อมทั้งให้เหตุผลอีกว่า เนื่องจากการบินไทยควรจะมุ่งเน้นการดำเนินงานตามแผนปฏิรูปบริษัท ที่ยังมีประเด็นที่ต้องดำเนินการอยู่อีกมากก่อน

อย่างไรก็ตาม การบินไทยยังคงให้ความร่วมมือในฐานะผู้ถือหุ้น เพื่อสนับสนุนให้นกแอร์สามารถพลิกฟื้นและเดินหน้าต่อไปได้

 ส่อขาดทุนติดกันเป็นปีที่ 4                                        

ทั้งนี้ จากรายงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ในปี 2559 ที่ผ่านมา สายการบินนกแอร์ มีตัวเลขขาดทุนถึง 2,795 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้ค่าโดยสารที่ลดลงตามการปรับลดเที่ยวบินภายในประเทศลง เนื่องจากเกิดปัญหานักบินลาออกเป็นจำนวนมาก ขณะที่ต้นทุนก็ปรับตัวสูงขึ้นตามการขยายตัวของฝูงบินและค่าซ่อมเครื่องบิน

สำหรับในปี 2560 นี้ พบว่าในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สายการบินนกแอร์ ยังคงขาดทุนต่อเนื่องเป็นตัวเลขสุทธิที่  945 ล้านบาท

และหากผลประกอบการโดยรวมทั้งปีในปีนี้ยังคงขาดทุนก็เท่ากับว่า สายการบินนกแอร์จะมีผลประกอบการที่ขาดทุนต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 3 นับจากปี 2557 ที่ขาดทุน 472 ล้านบาท ปี 2558 ที่ขาดทุน 726 ล้านบาท และปี 2559 ที่ขาดทุน 2,795 ล้านบาท

ซึ่งหากคำนวณตัวเลขขาดทุนของ “นกแอร์” ถึง ณ ไตรมาส 2 ของปีนี้จะพบว่า บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) มีตัวเลขขาดทุนสะสมแล้วที่ราว 4.9 พันล้านบาท

และเป็นที่น่าสังเกตว่า ขณะที่ผลประกอบการของสายการบินนกแอร์ขาดทุน แต่สายการบินคู่แข่งอย่าง “ไทยแอร์เอเชีย” หรือ “บางกอกแอร์เวย์ส” กลับมีผลกำไรสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง…

และนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอที่ทำให้ “พาที สารสิน” ยอมตัดใจลาจากตำแหน่งซีอีโอของ “นกแอร์” ในครั้งนี้!-

 

ขอบคุณภาพจาก : pantip.com, youtube.com และ ไทยรัฐทีวี ช่อง 32