“SAPPE” เดินเกมรักษาบัลลังก์ผู้นำเครื่องดื่ม Functional ประกาศ Rebranding ‘เซ็ปเป้ บิวติ’ ครั้งใหญ่

465
ปิยจิต รักอริยะพงศ์

‘บมจ. เซ็ปเป้’ หรือ SAPPE ผู้นำตลาดเครื่องดื่มเพื่อความสวยของไทย เดินเกมรักษาบัลลังก์ผู้นำตลาดเครื่องดื่ม Functional สร้างเซอร์ไพร์ส ประกาศ Rebranding ‘เซ็ปเป้ บิวติ’ ครั้งใหญ่ เปิดตัว TVC สุดทัชใจ ชูความเท่าเทียมทุกความสวย ผ่านแคมเปญ ‘สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร’ พร้อมดึงแชมป์ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลก ร่วมออกแบบลายฉลากใหม่ให้โดนใจ Gen Z ตอกย้ำความเป็นแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อความสวยอันดับหนึ่งของไทยที่เข้าใจผู้บริโภค และให้คุณค่าทุกความสวยอย่างแท้จริง คาดหนุนยอดขายผลิตภัณฑ์ ‘เซ็ปเป้ บิวติ’ ในปีนี้เติบโตกว่า 20%

              ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาด Functional Drink ในปี 2023 ที่ผ่านมา มีมูลค่าราว 7,000 ล้านบาท กลุ่ม Casual Healthy Drink มีมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านบาท เติบโตราว 1% โดย 2 เดือนแรกปี 2024 ที่ผ่านมานี้ มีการเติบโต 3%  ซึ่งการที่เซ็ปเป้ บิวติ กลับมา Rebranding จะช่วยกระตุ้นตลาดปีนี้ให้คึกคักและสร้างสีสันได้ นอกจากนี้ เทรนด์ภาวะโลกร้อนที่เป็นปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ ทำให้ผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมดื่มเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น ดับกระหาย และมีประโยชน์ โดยเฉพาะเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพหรือ Functional Drink มากขึ้น เพราะไม่เพียงเติมความต้องการด้านสุขภาพแล้ว ยังสะดวกสบายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เร่งรีบอีกด้วย

ตลอดระยะเวลา 18 ปีของ “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” (Sappe Beauti Drink) แบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความสวยแบรนด์แรกของไทย ด้วยจุดเด่นที่เป็นเครื่องดื่มนวัตกรรม ให้คุณประโยชน์หลากหลาย ตอบความต้องการในหลายแบบ ไม่เติมน้ำตาลทราย รสชาติอร่อย ดื่มแล้วเห็นผล บรรจุใน Packaging ที่สะท้อนไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี มีการพัฒนาสูตรใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ยังคงครองความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มเพื่อความสวยมาอย่างยาวนานจนถึงวันนี้

เพื่อตอกย้ำจุดยืนเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความสวยที่เข้าใจผู้บริโภค เซ็ปเป้จึงได้ประกาศ Rebranding ครั้งใหญ่อย่างเป็นทางการ สื่อสารแบรนด์ใหม่ในชื่อ “เซ็ปเป้ บิวติ” (Sappe Beauti) เตรียมพร้อมเข้าสู่การแตกไลน์ความสวยในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มในอนาคต ถือเป็นการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น โดยจุดเริ่มต้นของแนวคิด มาจากเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นความต้องการที่หลากหลาย และการตระหนักถึงประเด็นเรื่องมาตรฐานความสวย (Beauty Standard) ที่ไม่เหมือนเดิม ความสวยไม่ได้หมายถึงความขาว ความผอม หรือต้องสวยแบบใคร แต่ความสวยจะเป็นแบบไหนก็ได้ ทุกความสวยมีคุณค่าในตัวเอง เซ็ปเป้ บิวติ เข้าใจในเรื่องนี้ จึงออกแคมเปญ ‘สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร’ เพื่อเป็นกระบอกเสียงประกาศความเป็นแบรนด์ที่สนับสนุนให้ทุกคนรักตัวเอง และส่งเสริมความเท่าเทียมกัน

‘The Rejected Casts’ คือโปรเจกต์สำคัญที่ให้คุณค่ากับทุกความสวย ภายใต้แคมเปญ ‘สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร’ ฉีกค่านิยมความสวยในวงการบิวตี้ ด้วยการให้โอกาสนักแสดงที่เคยถูกปฏิเสธ เพียงเพราะพวกเขา ‘สวยไม่ตรงตาม Beauty Standard’ ให้มาเป็นตัวแทนความสวยของแบรนด์เซ็ปเป้ บิวติ ถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์โฆษณาโดยผู้กำกับมากฝีมือ ต้อม เป็นเอก รัตนเรือง ที่เข้าใจเบื้องหลังวงการการคัดเลือกนักแสดงเป็นอย่างดี หยิบเรื่องจริงของ 7 แคสต์ ตัวแทนเหล่า Gen Z หลากหลายเพศ มาตีแผ่ สัมภาษณ์ประสบการณ์ไม่ผ่านแคสต์ติ้งงานโฆษณา เพราะรูปร่าง สีผิว ใบหน้า ก่อนจะเฉลยโดย ปิยจิต รักอริยะพงศ์ CEO เซ็ปเป้ ในฐานะตัวแทนของแบรนด์ที่เชื่อว่า ‘ความสวย คือความหลากหลาย’ แบรนด์จึงจับมือพวกเขามาเป็นตัวแทน ‘ความสวย’ ที่ไม่จำเป็นต้องเทียบกับใคร มาร่วมแสดงในภาพยนตร์โฆษณาชิ้นใหม่นี้ พร้อมทั้งขึ้นบนบิลบอร์ดทั่วประเทศ นับเป็นการประกาศจุดยืนเรื่องความสวยรูปแบบใหม่ของแบรนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความสวยของไทย หวังช่วยจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและสังคม ดันเพดานความสวย สนับสนุนให้วัยรุ่นยุคใหม่มั่นใจในตัวเอง และทุกคนสามารถสวยในแบบตัวเองได้อย่างเท่าเทียม

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SAPPE กล่าวว่า เราเข้าใจผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความเท่าเทียม ไม่ต้องการให้ใครมาตัดสินหรือนิยามพวกเขา และให้คุณค่าในสิ่งที่พวกเขาเป็น เราจึงปรับการสื่อสารผ่านสินค้าที่เป็นตัวแทนเรื่องความสวย ‘เซ็ปเป้ บิวติ’ ในครั้งนี้ เพื่อให้เข้าถึงและสามารถเคียงคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลกได้ เราสื่อสารด้วยแคมเปญ ‘สวยเรา ไม่ต้องสวยใคร’ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาที่คิดขึ้นมาจากประสบการณ์จริงของคนรุ่นใหม่ ที่ถูกตัดสินจากสังคม และเราเลือกที่จะให้คุณค่ากับคนเหล่านั้น เราออกแบบฉลากขวดใหม่ให้โดนใจ Gen Z มากขึ้น โดยมีการทำแบบสำรวจ ฟังเสียงของผู้บริโภคเพื่อนำมาพัฒนา และได้นักออกแบบชื่อดัง สมชนะ กังวารจิตต์ เจ้าของสตูดิโอ Prompt Design ผู้กวาดรางวัลการออกแบบบรรจุภัณฑ์มาแล้วทั่วโลก มาร่วมออกแบบฉลากใหม่ให้ ‘เซ็ปเป้ บิวติ’ ทั้ง 4 สูตร ในคอนเซ็ปต์ ‘โอบกอดตัวเอง’ (Embrace Yourself) โดยใช้ ‘ดอกไม้ที่มีความหมายเสื่อถึงความรักที่ให้กับตัวเอง’ มาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการออกแบบ โดยสูตรคอลลาสกิน (Collaskin) ขวดชมพู ใช้ดอกคาเนชั่นแทนสัญลักษณ์ของความรักอย่างบริสุทธิ์ใจ, สูตรเอส-ลิม (S-lim) ขวดเขียวอ่อน ใช้ดอกลิลลี่แทนสัญลักษณ์ของความรักอย่างอ่อนหวาน อ่อนโยน, สูตรบิวติท็อกซ์ (Beautitox) ขวดเขียวเข้ม ใช้ดอกทานตะวันแทนสัญลักษณ์แห่งความรักที่ให้กำลังใจ และสูตรบิวติ อายส์ (Beauti Eyes) ขวดสีแดง ใช้ดอกเบญจมาศแทนสัญลักษณ์ของความรักที่มีชีวิตชีวา สดใส แต่ละขวดจะมีรูปคนที่มีความหลากหลายทั้งรูปร่าง เพศ และสีผิว อยู่บนฉลากด้วย นับเป็นการสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ ที่ชูจุดขายในแต่ละสูตรอย่างสอดคล้องกันกับตัวแคมเปญ

เชื่อว่าการปรับดีไซน์ฉลากใหม่ในครั้งนี้ จะโดนใจคนรุ่นใหม่ที่มองหาสินค้าที่สะท้อนตัวตนและมุมมองในการใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี โดยฉลากใหม่ทั้ง 4 สูตร เริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้ ที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ทุกสาขาและร้านค้าทั่วไป ทั่วประเทศ ราคา 20 บาท หรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ Line: @sappeonline และ Shopee: Sappe Official Store หรือติดต่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Facebook: Sappe Beauti Drink และ Tiktok: Sappeonline คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายแบรนด์ ‘เซ็ปเป้ บิวติ’ ในปีนี้เติบโตกว่า 20% จากผู้บริโภคกลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่ที่ชื่นชอบทั้งการดีไซน์ และการสื่อสารที่ตรงใจทุกคน

“การ Rebranding ในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศว่าแบรนด์ เซ็ปเป้ บิวติ จะยืนเคียงข้างคนยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความจริงใจ ความรับผิดชอบ ความคิดสร้างสรรค์ และความเท่าเทียมกัน การเป็นผู้นำแบรนด์เครื่องดื่มด้านความสวยมาอย่างยาวนาน สะท้อนให้เห็นแล้วว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเครื่องดื่มแฟชั่นในยุคไหน แต่เราพร้อมปรับตัวและก้าวไปพร้อมกับโลกอยู่เสมอ เราหวังว่าผู้บริโภคจะชื่นชอบฉลากใหม่พร้อมทั้งภาพยนตร์โฆษณาของเราในครั้งนี้ และสามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ในการผลักดันการสร้างมาตรฐานใหม่ของความสวยอย่างเท่าเทียมได้ ผ่านทุกช่องทางการสื่อสารของเซ็ปเป้”  ปิยจิต กล่าว