บลจ.อีสท์สปริง วางโรดแมพ สร้าง Wealth & Health เพื่อสังคมไทย เปิดตัวแอปพลิเคชัน Eastspring M Choice TH

888

บลจ.อีสท์สปริง ชี้ ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ พิจารณาตามนิยามขององค์การสหประชาชาติ ธุรกิจกองทุนรวมมีส่วนสำคัญในการช่วยวางแผนเพื่อการเกษียณเพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยวางเป้าหมายสร้าง Wealth & Health พร้อมขยายฐานลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ให้ใส่ใจการออมและการลงทุนเพื่ออนาคต ด้วยการมอบสิ่งที่ดีที่สุดทั้งผลิตภัณฑ์และการบริการที่ตอบโจทย์ พร้อมเปิดตัว โมบาย แอปพลิเคชั่นใหม่ “Eastspring M Choice TH”  สำหรับลูกค้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แพลตฟอร์มเหนือชั้นที่มีฟังก์ชันการทำงานแบบครบวงจร มิติใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทั้งลูกจ้าง นายจ้างและคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ครบจบในที่เดียว เพื่อให้การวางแผนเกษียณของสมาชิกประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว

ดารบุษป์ ปภาพจน์

ดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานในปี 2567 ว่า   บลจ.อีสท์สปริงเล็งเห็นความสำคัญของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของคนในสังคมไทย โดยเฉพาะความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพ บนความท้าทายรอบด้าน จากการที่ประเทศไทยก้าวสู่สังคม Aged Society ที่มีปัจจัยความไม่แน่นอนในเชิงเศรษฐกิจ สังคม ซึ่งธุรกิจจัดการลงทุนต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุน  บนพื้นฐานของความเข้าใจและยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดย บลจ. อีสท์สปริงให้ความสำคัญกับการขยายฐานไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญของสังคมไทยในอนาคต

ทั้งนี้ แนวทางการทำงานของบลจ.อีสท์สปริง คือการเลือกสรรและส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุด (Best in Classไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือการบริการ เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่กำลังมองหากองทุนที่สามารถสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ ผ่าน 3 ธุรกิจ ทั้ง กองทุนรวม  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล  ด้วยทีมผู้จัดการกองทุนที่มากประสบการณ์ด้านการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่มีความร่วมมือในการบริหารพอร์ตสินทรัพย์ลงทุนทั่วโลกในลักษณะ Multi Asset Portfolio Solutions รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับการทุ่มเททรัพยากร เพื่อพัฒนาระบบงานด้านการลงทุนและการบริการ โดยนำเทคโนโลยีระดับโลกมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลที่ค่อนข้างแม่นยำ มีความยืดหยุ่นด้วยระบบการทำงานที่รวดเร็ว ฉับไว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า 

โดยล่าสุด บลจ.อีสท์สปริง ได้เปิดตัว โมบาย แอปพลิเคชัน “Eastspring M Choice TH”  ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเพื่อการบริการสำหรับลูกค้ากลุ่มกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ด้วยเทคโนโลยีที่โดดเด่น และมีฟีเจอร์การทำงานที่เหนือชั้น ซึ่งตามแผนการดำเนินงานสำหรับปีนี้ จะประกอบไปด้วยคุณสมบัติหลัก ดังนี้ 

1.สมาชิกสามารถติดตามยอดเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ได้ทุกวัน โดยระบบจะคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเป็นรายวัน (Daily NAV) 

2. สมาชิกสามารถทำรายการซื้อ และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้ทุกวันทำการซื้อขายตามเงื่อนไขที่บลจ.อีสท์สปริงและข้อบังคับกองทุนกำหนด ด้วยราคา ณ วันนั้น โดยไม่จำกัดจำนวนครั้งและไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้สะดวกรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนแผนลงทุน และไม่เสียโอกาสการลงทุน 

3. สมาชิกสามารถเลือกที่จะปรับเปลี่ยนเฉพาะนโยบายการลงทุนที่ต้องการได้ โดยสับเปลี่ยนจากนโยบาย A ไป นโยบาย B ได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องปรับการลงทุนทั้งพอร์ตไปพร้อมๆ กันเพียงอย่างเดียว(Switching Module)

4. สมาชิกสามารถกำหนดแผนการปรับสัดส่วนการลงทุนอัตโนมัติ (Auto-rebalance) ตามระยะเวลาที่สมาชิกเลือกกำหนดได้เอง เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเป็นไปตามแผนการลงทุนที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ต้องเข้าไปปรับสัดส่วนเองเป็นรายครั้ง รวมทั้งยังมีฟังก์ชันดาวน์โหลดแบบฟอร์มและเอกสารที่เกี่ยวข้องสำหรับนำส่งสรรพากร โดยสมาชิกสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Eastspring M Choice TH ได้แล้วทั้งใน iOS และ Android เพียงค้นหาคำว่า Eastspring M Choice TH ซึ่งรองรับการใช้งานได้ทั้งในรูปแบบสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต

“นอกจากนี้ ภายในปีนี้ แอปพลิเคชัน “Eastspring M Choice TH” จะเปิดให้บริการฟังก์ชันเพิ่มเติมเพื่ออำนวยความสะดวกให้นายจ้างและคณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ บริหารจัดการงานสมาชิกได้ผ่านแอปพลิเคชัน ที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้ ทันที ตลอดเวลา แบบไร้รอยต่อ โดยไม่ต้องมีการนำส่งข้อมูลทางอีเมลระหว่างกัน รวมถึงไม่ต้องนำส่งกระดาษเพื่อเวียนลงนาม ช่วยลดการสูญเสียทรัพยากรโดยไม่จำเป็น ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับคณะกรรมการกองทุน เป็นประโยชน์กับทั้งองค์กรนายจ้างเองและเป็นการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมซึ่งเป็นพันธกิจหลักของบลจ.อีสท์สปริงอีกโสตหนึ่งด้วย“ ดารบุษป์กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า

จุดเด่นของบลจ.อีสท์สปริง คือเรามุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศครอบคลุม มากกว่า 30 นโยบายลงทุนรวมถึงกองทุนสมดุลตามอายุ หรือ Target Retirement Funds พร้อมบริการที่ตอบโจทย์  รวมทั้งยังได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทกองทุนสำรองเลี้ยงชีพร่วมดีเด่น (Pooled Fund) ที่เสนอโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ขนาดกองทุนมากกว่า 10,000 ล้านบาทโดยได้รับพระราชทานโล่รางวัลสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นปีที่ 7 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จนเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนสมาชิก 165,783 ราย จากนายจ้าง 1,860 บริษัท มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 60,222.47 ล้านบาท (ข้อมูลจาก AIMC ณ พฤศจิกายน 2566)

ในปีที่ผ่านมา  นอกจากการนำระบบการจัดการลงทุน และบริหารความเสี่ยงชั้นนำของโลกเข้ามาใช้เพื่อให้ได้ข้อมูลที่รวดเร็วและแม่นยำที่สุดในการบริหารกองทุนแล้ว บลจ.อีสท์สปริง ยังดำเนินการควบรวมกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนที่เหมือนหรือใกล้เคียงกันของบลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาต เพื่อความชัดเจนในการสื่อสารและเพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุน ซึ่งเฟสแรกจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมปีนี้ รวมทั้งยังจะมีความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจประกันสุขภาพ ในการขยายโอกาสการลงทุนไปสู่คนรุ่นใหม่ให้สามารถเข้าถึงการลงทุนที่ช่วยสร้างอนาคตทางการเงินและให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพไปพร้อมกัน

“เรามีความมุ่งหวังให้คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ เจ้าของธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ และพนักงานในทุกองค์กรประสบความสำเร็จ มีอิสระทางการเงินที่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตในยามเกษียณอายุ  รวมทั้งได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพอย่างมีคุณภาพ  และให้ความสำคัญกับการสร้างองค์กรให้เติบโตจากภายในอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นจากลูกค้าทุกกลุ่ม” ดารบุษป์ กล่าว

ยิ่งยง เจียรวุฑฒิ

ด้าน ยิ่งยง เจียรวุฑฒิ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน บลจ.อีสท์สปริง เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนปี 2567 ในมุมมองของบลจ. อีสท์สปริงว่า โลกกำลังจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้นและเริ่มเข้าสู่ช่วงดอกเบี้ยขาลง โดยสิ่งที่ต้องติดตามคือ 1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งต้องติดตามว่าจะเป็นเพียงแค่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจหรือจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย 2 .การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางขนาดใหญ่อย่าง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ซึ่งมีแนวโน้มในการเปลี่ยนทิศทางการดำเนินนโยบายทางการเงิน เพียงแต่จะช้าหรือเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ และ 3.การเลือกตั้งของหลายประเทศในแต่ละภูมิภาค ทั้งไต้หวัน อินโดนีเซีย อินเดีย และสหรัฐฯ

โดยมองว่าสหรัฐฯ มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2-4 ครั้ง ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลบวกต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยงในบางกลุ่มรวมถึงพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ภาคเอกชนในระดับ Investment Grade แต่เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อาจส่งผลให้โอกาสการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีค่อนข้างจำกัด จึงแนะนำให้สะสมกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำเพื่อลดความเสี่ยง เช่น EASTSPRING Global Low Volatility Equity Fund รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่เน้นคุณภาพอย่าง TMB Global Quality Growth และกองทุนที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของ Generative AI  เช่น กองทุน EASTSPRING US Information Technology Fund  ส่วนภูมิภาคเอเชียนั้น ตลาดหุ้นเวียดนาม และอินเดีย ถือเป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจค่อนข้างเติบโตได้โดดเด่น รวมถึงได้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มมีการกระจายฐานการผลิตออกจากจีน ประกอบกับเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างน่าสนใจในปีนี้ โดยกองทุนที่แนะนำได้แก่ TMB EASTSPRING Vietnam Active Equity Fund, TMB India Active Equity Fund  และ รวมถึงกองทุนหุ้นไทยอย่างกองทุนเปิดธนชาตเพิ่มพูนทรัพย์ปันผล T-PPSD ที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้เช่นกัน

และในส่วนกลุ่มตราสารหนี้เป็นกลุ่มสินทรัพย์ที่เราค่อนข้างให้ความสนใจ โดยเฉพาะตราสารหนี้โลกในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาคเอกชนคุณภาพดี ในระดับ Investment grade  แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนและถือครองกองทุนที่ลงทุนในตราสารดังกล่าว เพื่อเป็นพอร์ตการลงทุนหลัก (Core Portfolio) สำหรับปี 2567 โดยกองทุนแนะนำได้แก่ TMB Global Income และ EASTSPRING GIS Global Bond ที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ