บลจ.อีสท์สปริง เตรียมจ่ายปันผลกองทุนต่างประเทศ-LTF พร้อมกัน 3 กองทุน รวมมูลค่ากว่า 88 ลบ. ดีเดย์ 17 ม.ค.นี้

733

ดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริง  เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนภายใต้การบริหารจัดการ จำนวน 3 กองทุนประกอบด้วย กองทุนต่างประเทศได้แก่กองทุนเปิดทหารไทย โกลบอล บอนด์ ปันผล (TMBGDF) สำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ในอัตรา 0.05 บาทต่อหน่วย และกองทุนในประเทศ 2 กองทุน  สำหรับผลดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 วันที่ 31 ธันวาคม 2566 ประกอบด้วย กองทุนเปิด JUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว (JBP LTF)  ในอัตรา 0.17 บาทต่อหน่วย  และกองทุนเปิด JUMBO 25 ปันผลหุ้นระยะยาว (JB25 LTF) ในอัตรา 0.18 บาทตอหน่วย  โดยมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 17 มกราคม 2567 นี้  คิดเป็นมูลค่าเงินปันผลรวม 3 กองทุน เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 88,995,841.76 บาท

ดารบุษป์ ปภาพจน์

โดยกองทุนเปิดทหารไทย โกลบอลบอนด์ปันผล (TMBGDF) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว (Master Fund) คือ กองทุน PIMCO GIS Global Bond Fund ในอัตราส่วนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนรวมต่างประเทศที่จดทะเบียนในไอร์แลนด์ (Ireland)กองทุนดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้  โดยมีการจ่ายปันผลต่อหน่วยลงทุนย้อนหลัง 5 ปี คือ ปี 2562 อยู่ที่ 0.24 บาทต่อหน่วย ปี 2563 อยู่ที่ 0.16 บาทต่อหน่วย ปี 2564 อยู่ที่ 0.05 บาทต่อหน่วย ปี 2566 อยู่ที่ 0.10 บาทต่อหน่วย โดยรวมจ่ายปันผลงวดนี้อีก  0.05 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินจ่ายปันผลทั้งสิ้น บาทต่อหน่วย  

สำหรับกองทุนเปิด JUMBO PLUS ปันผล หุ้นระยะยาว (JBP LTF)  มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 แต่ไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรกที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) ผลประกอบการของบริษัทการจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม โดยมีการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนย้อนหลัง 5 ปี คือ ปี 2562 อยู่ที่ 0.40 บาทต่อหน่วย ปี 2563 อยู่ที่ 0.40 บาทต่อหน่วย ปี 2564 อยู่ที่ 0.35 บาทต่อหน่วย ปี 2565 อยู่ที่ 0.285 บาทต่อหน่วย ปี 2566 อยู่ที่ 0.46 บาทต่อหน่วย โดยรวมจ่ายปันผลงวดนี้อีก 0.17 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินจ่ายปันผลทั้งสิ้น 2.065 บาทต่อหน่วย  

ส่วนกองทุนเปิด JUMBO 25 ปันผล หุ้นระยะยาว (JB25 LTF) มีนโยบายที่จะเน้นลงทุนในหุ้นเต็มอัตรา (Fully Invested) ตลอดเวลา โดยจะลงทุนในหุ้นสามัญและ/หรือหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 25 บริษัทแรก ที่เข้าหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์เกณฑ์ดังกล่าวได้พิจารณาถึงมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) การจ่ายเงินปันผลหรือประกาศที่จะจ่ายเงินปันผล สภาพคล่องของหลักทรัพย์ (Free Float) และการควบคุมการกระจุกตัวของหลักทรัพย์ในแต่ละอุตสาหกรรม โดยมีการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนย้อนหลัง5 ปี คือ ปี 2562 อยู่ที่ 0.50 บาทต่อหน่วย ปี 2563 อยู่ที่ 0.50 บาทต่อหน่วย ปี 2564 อยู่ที่ 0.52 บาทต่อหน่วย ปี 2565 อยู่ที่ 0.38 บาทต่อหน่วย ปี 2566 อยู่ที่ 0.78 บาทต่อหน่วย โดยรวมกับจ่ายปันผลงวดนี้อีก 0.18 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินจ่ายปันผลทั้งสิ้น 2.86 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ยังเตรียมจ่ายเงินปันผลเพิ่มอีก 1 กองทุน ในวันที่ 22 มกราคม 2567 คือ กองทุนเปิดธนชาตหุ้นระยะยาวปันผล (T-LTFD) ซึ่งเป็นกองทุนภายใต้การบริหารจัดการ สำหรับผลการดำเนินงานรอบระยะเวลาบัญชี 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ในอัตรา 0.53 บาทต่อหน่วย 

โดยกองทุนเปิดกองทุนเปิดธนชาตหุ้นระยะยาวปันผล  (T-LTFD) ลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยจะมุ่งเน้นลงทุนในตราสารแห่งทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี  ทั้งนี้กองทุนมีการจ่ายปันผลต่อหน่วยลงทุนย้อนหลัง 5 ปี คือ ปี 2562 อยู่ที่ 0.35 บาทต่อหน่วย ปี 2563 อยู่ที่ 0.24 บาทต่อหน่วย ปี 2564 อยู่ที่ 0.25 บาทต่อหน่วย ปี 2565 อยู่ที่ 0.90 บาทต่อหน่วย ปี 2566 อยู่ที่ 0.22 บาทต่อหน่วย โดยรวมจ่ายปันผลงวดนี้อีก 0.53 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินจ่ายปันผลทั้งสิ้น 2.49 บาทต่อหน่วย