“เบทาโกร” มองบน เดิมเกมครองตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมียม  ก้าวสู่แบรนด์อาหารระดับโลก

583
ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์

ประเทศไทยในวันนี้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า นี่คือดินแดนแหล่งอาหารที่ดีที่สุดในโลก เมนูอาหาร ของหวาน เครื่องดื่มหลายๆ รายการ ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ Top 10 ของโลก แน่นอนว่า อาหารที่อร่อย ย่อมมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพที่ประเทศไทยมีอยู่อย่างเหลือเฟือ

ตลาดอาหารในประเทศไทยมีการเติบโตอยู่ราว 6% ต่อปี โดยในปีนี้คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 7.9  แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จนในอีก 3 ปีข้างหน้า หรือปี 2026 จะมีมูลค่าการบริโภคสูงถึงกว่า 9 แสนล้านบาทต่อปี โดยตลาดที่น่าจับตามองที่สุด คือตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม ที่ตอบรับกับเทรนด์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ และการเข้าครัวทำอาหารทานเองที่มีมากขึ้น แม้ราคาจะสูงแต่ด้วยคุณภาพของอาหาร และความปลอดภัยต่อสุขภาพที่มีมากกว่า ทำให้วันนี้ตลาดอาหารซูเปอร์พรีเมียม แม้จะมีสัดส่วนเพียง 7.3% ของตลาดรวม แต่มีการเติบโตสูงถึงปีละ 17%  ทำให้ เบทาโกร หนึ่งในผู้นำธุรกิจอาหารจับจ้องที่จะครองผู้นำในตลาดนี้

ดร.โอลิเวอร์ ก็อตชัลล์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เผยว่า จากข้อมูลคาดการณ์ว่าในปี 2566 ตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมี่ยมจะมีมูลค่าอยู่ที่ 57,100 ล้านบาท โดยมีปัจจัยมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซื้อเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กอปรกับแรงหนุนจากการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การบริโภคและภาคการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้น ทั้งสุขภาพกายและจิตใจ เลือกอาหารที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยสูง จากแหล่งผลิตที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับและเชื่อถือได้ ทั้งยังตระหนักและให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เพื่อการบริโภคที่ยั่งยืน ดีต่อโลกและต่อตัวเอง

เพื่อตอบรับกับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภค แผนการตลาดของเบทาโกรในปีนี้ จึงวางแนวทางการตลาดใน 5 มิติ เพื่อยกระดับสู่การเป็นแบรนด์อาหารซูเปอร์พรีเมียมระดับโลก ประกอบด้วย

มิติที่ 1 New Positioning  เบทาโกรมุ่งมั่นในการพัฒนาอาหารที่มีคุณภาพมากกว่า ปลอดภัยสูงกว่า ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าและผู้บริโภคทุกกลุ่มในวงกว้าง และหนึ่งในความภูมิใจที่แบรนด์ S-Pure จากเบทาโกรได้รับการรับรองจาก NSF สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรกและหนึ่งเดียวของไทยที่ได้รับการรับรองการเลี้ยงที่ไม่มียาปฏิชีวนะ (Raised Without Antibiotics – RWA) ครบทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่  สะท้อนถึงผลวิจัยผู้บริโภค ที่พบว่า S-Pure เป็นแบรนด์ที่สามารถครองใจผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีฐานผู้บริโภคที่มีความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) มากกว่า 50% (Quality advocacy Index) สะท้อนถึงการเป็นผู้นำตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมี่ยมที่ผู้บริโภคไว้วางใจ

มิติที่ 2 New Packaging Design   S-Pure ให้ความสำคัญกับการออกแบบดีไซน์บรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ สร้างภาพลักษณ์ทันสมัย สะท้อนถึงการเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ สดใหม่ มีความปลอดภัย

มิติที่ 3  Sustainable Paper Tray โดย S-Pure  เป็นแบรนด์แรกของไทยที่นำบรรจุภัณฑ์ถาดกระดาษ (Paper Tray) มาใช้กับกลุ่มสินค้าอาหารสด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ซึ่งถาดกระดาษผลิตจากต้นยูคาลิปตัสที่มาจากป่าปลูก 100% มีคุณสมบัติการใช้งานเทียบเท่าถาดพลาสติก (Forest Stewardship Council) สามารถลดการใช้พลาสติกได้ถึง 80% 

มิติที่ 4  New Product Varieties การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ S-Pure Prime” เนื้อสัตว์แปรรูปสไตล์โฮมเมด ประกอบด้วย ไส้กรอกเวียนนา, เบคอนหมูรมควัน, พอร์คลอยน์แฮมรมควัน, โบโลญ่าหมู และโบโลญ่าไก่ ที่ถูกรังสรรค์ความอร่อยจากธรรมชาติอย่างพิถีพิถัน ปราศจากการแต่งเติมสารเคมี รวมถึงสารปรุงแต่ง สารกันบูด ผงชูรส วัตถุเจือปนอาหาร และยังใช้วัตถุดิบจากเนื้อหมู เนื้อไก่ S-Pure 100% นับเป็นผลิตภัณฑ์  อาหารฉลากสะอาด (Clean Label)รายแรกในประเทศไทย  โดยผลิตภัณฑ์ S-Pure มีวางจำหน่ายที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ รวมถึงเบทาโกรช็อป เบทาโกรเดลี่ และแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ Freshket, Grab, Lineman และ Robinhood 

มิติที่ 5 New Communication 2023   กิจกรรม “S-Pure The Natural Way” ที่ ยกขบวนศิลปินดาราชื่อดังมาแชร์เคล็ดลับการดูแลสุขภาพและสาธิตการทำอาหาร รวมถึงกิจกรรมพริวิเลจ พิเศษ! สำหรับลูกค้า S-Pure เร็ว ๆ นี้ 

ดร.โอลิเวอร์ กล่าวว่า การเปิดตัวแคมเปญ S-Pure ในครั้งนี้ ไม่เพียงตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอาหารซุปเปอร์พรีเมี่ยม แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนดำเนินชีวิต ด้วยการดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ (Healthy Lifestyle Inspiration) เพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคนที่ยั่งยืน ตอกย้ำจุดแข็งของเบทาโกรในฐานะผู้ผลิตอาหารที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยในระดับ คาดว่ายอดขาย S-Pure จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยผลักดันยอดขายของเบทาโกรให้เติบโตตามเป้าหมายเพื่อก้าวสู่แบรนด์ธุรกิจอาหารชั้นนำระดับโลกต่อไป