JSP โชว์ผลงาน 6 เดือนแรกสินค้า Own Brand หนุนรายได้เพิ่ม 7.5% รวมรายได้ครึ่งปีแรกกว่า 240 ลบ.

292

มจ. โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) เผยรายได้รวมครึ่งปีแรกกว่า 240 ล้านบาท เติบโต 31.9% เปิดที่มารายได้จากสินค้า OEM 49.3% สินค้า Own Brand 40.6% รับรู้รายได้จากธุรกิจน้ำยาฟอกไต 4.9% ชี้แม้ซื้อกิจการน้ำยาฟอกไตมาเมื่อเดือน พ.ค. แต่ธุรกิจมาแรงส่งรายได้เข้าไตรมาส 2 ทันที เผยครึ่งปีหลังเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำยาฟอกไตเป็น 2 เท่า มองเป็นปัจจัยสำคัญหนุนรายได้รวมครึ่งปีหลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมตอกย้ำเป้าหมายยังคงมีแผนจะเข้าซื้อกิจการเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพครบวงจรต่อเนื่องเพื่อหนุนธุรกิจสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งผู้นำตลาดสุขภาพ

สิทธิชัย  แดงประเสริฐ  บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่า JSP ได้รายงานผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้รวม 240.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.9% โดยมีรายได้จากการรับจ้างผลิตสินค้าในแบรนด์ของลูกค้า (OEM) 49.3% รายได้จากผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัท (Own Brand) 40.6% โดยในส่วนของ Own Brand ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาแผนปัจจุบัน และ สมุนไพร ได้แก่ COX, JSP, สุภาพโอสถ และ EVITON ซึ่งครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายในทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ยังเริ่มรับรู้รายได้จากน้ำยาฟอกไต คิดเป็น 4.9% ของรายได้รวม ส่วนรายได้ที่เหลือมาจากช่องทางอื่นๆ 5.2% 

โดยการรายงานผลการดำเนินงานของ JSP ในครั้งนี้มีความน่าสนใจคือมีรายได้จากธุรกิจใหม่เข้ามาคือน้ำยาฟอกไต ที่ JSP ได้ทำการซื้อหุ้นบริษัท เกรซ วอเทอร์ เมด จำกัด (GWM) จำนวน 52.8% โดยใช้เงินเข้าซื้อหุ้นจำนวน 43.9 ล้านบาท เมื่อเดือน พ.ค. ซึ่งหลังจากทำการเข้าซื้อหุ้น GWM สามารถนำส่งรายได้ให้กับ JSP ในทันทีและรับรู้เข้ามาในไตรมาส 2/2566 ในครึ่งหลังของปีนี้ JSP จะรับรู้รายได้จาก GWM อย่างเต็มที่เนื่องจากช่วงไตรมาส 4/2566 จะทำการเพิ่มเครื่องผลิตน้ำยาฟอกไตจะส่งผลให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้น 2เท่าและสามารถสร้างรายได้เพิ่ม 2 เท่า  นอกจากนี้ JSP สามารถนำเข้าเครื่องมือแพทย์สำหรับใช้ในศูนย์ฟอกไต จำหน่ายไปยังศูนย์ฟอกไตทั่วประเทศ เป็นโอกาสเพิ่มรายได้ให้  JSP และ GWM และจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ผลการดำเนินงานของ JSP จะมีทิศทางที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2566 JSP มีผลขาดทุนจากการรับรู้ค่าเสื่อมจาก บริษัท แคร์ซูติก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่ JSP ตั้งขึ้นมาใหม่เพื่อให้บริการด้านอินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึง OEM ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน และสำหรับสัตว์ ที่ครอบคลุมทั้งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เช่น สุนัข และแมว และสัตว์ในการเลี้ยงสำหรับการทำปศุสัตว์ เช่น หมู ไก่ เป็นต้น ทั้งนี้แคร์ซูติกมีต้นทุนในการดำเนินการขอใบอนุญาตสถานที่ผลิตที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/2566  อย่างไรก็ดีปัจจุบันแคร์ซูติกได้ทำการเปิดโรงงานเพื่อให้ลูกค้าเข้าไปเยี่ยมชมทุกเดือน และมีหลายรายที่เริ่มลงนาม ซึ่งจะทำให้อีก 6 เดือน JSP รับรู้รายได้  จาก OEM อาหารเสริมสัตว์  และเครื่องสำอางสัตว์

นอกจากนี้ในส่วนของสัดส่วนรายได้ของธุรกิจ OEM กับ Own Brand นั้น ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย โดยก่อนหน้านี้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก OEM 60% และ Own Brand 40% อย่างไรก็ดีอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้า Own Brand อยู่ในอัตราที่ดีกว่า OEM ดังนั้นบริษัทจึงมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนสินค้า Own Brand ให้ขึ้นมาอยู่ในสัดส่วน 50 : 50 เท่ากับสินค้า OEM ซึ่งในงวดครึ่งปีแรกก็ถือว่าสามารถทำได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้

อย่างไรก็ตามในส่วนของการรายงานผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแม้จะมีผลขาดทุนสุทธิ 10.9 ล้านบาท แต่ถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 23.4 ล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการซื้อกิจการ รวมถึงเป็นช่วงโลว์ซีซันของภาคการผลิตเนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าร้อนที่ค่าพลังงานพุ่งขึ้นไปอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามถึงแม้บริษัทจะยังคงตั้งเป้าหมายในการควบรวมกิจการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพครบวงจรอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดดูแลสุขภาพครบวงจรภายใน 3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดีทิศทางหลังจากนี้บริษัทก็จะทยอยรับรู้รายได้จากกิจการที่ซื้อเข้ามาก่อนหน้า รวมถึงปีนี้ผ่านช่วงสูงสุดของต้นทุนพลังงานไปแล้ว ในครึ่งปีหลังจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก