Brother (บราเดอร์) ผู้นำนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ เปิดตัว Brother Latex Wide Format Printer WF1-L640 เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง เครื่องแรก ครั้งแรก ในอาเซียน ที่ประเทศไทย ขยายกลุ่มลูกค้า รุกตลาดอุตสาหกรรมการพิมพ์เต็มตัว ชูจุดเด่น หน้ากว้างถึง 64 นิ้ว หัวพิมพ์ทนทาน หมึกพิมพ์ปลอดภัยสูงสุด กำลังผลิตสูง ตอบโจทย์คนรักสิ่งแวดล้อม เชื่อมั่นหนุนธุรกิจโต
พงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขยายธุรกิจ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า Brother มีความยินดีนำเสนอเครื่องพิมพ์ใหม่ล่าสุด Brother Wide Format Printer WF1-L640 หรือเครื่องพิมพ์หน้ากว้าง รุ่น WF1-L640 ที่มาพร้อมคุณสมบัติ ตอบโจทย์อุตสาหกรรมการพิมพ์ ด้วยหน้ากว้างถึง 64 นิ้ว ซึ่งจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเครื่องพิมพ์รุ่นนี้ มาจาก วิสัยทัศน์ของ Brother Group “At your side 2030” มีเป้าหมาย คือ เราจะ ขยายเข้าไปสู่กลุ่ม Industrial Printer มากขึ้น ซึ่งบราเดอร์ประเทศไทยได้เริ่มนำตัวเครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิตอล เข้าสู่ตลาดมาก่อนหน้านี้แล้ว คือ รุ่น GTX และสืบเนื่องจากรุ่น GTX มีการตอบรับที่ดี จึงได้มีการต่อยอดเทคโนโลยีมาเป็น WF1-L640 ซึ่งเป็น Wide Format ที่มาพร้อมจุดแข็ง 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ หัวพิมพ์ และหมึกพิมพ์
“หมึกพิมพ์ที่ใช้ นับว่ามีความปลอดภัยสูง บราเดอร์เลือกเทคโนโลยีหมึกพิมพ์ประเภทที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับอุตสาหกรรมการพิมพ์ป้าย หมึกที่เราใช้สามารถพิมพ์ได้บนหลายสภาพพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นป้ายไวนิล สติ๊กเกอร์ พลาสติก ผ้า และยังเหมาะกับงานพิมพ์สื่อกลางแจ้ง และเนื่องจากเครื่องพิมพ์นี้ มีหมึกพิมพ์หลายชนิดมากในตลาด ส่วนใหญ่มักพบปัญหาเรื่องกลิ่นและปนเปื้อนสารเคมี แต่ของเราเป็นหมึกพิมพ์ลาเท็กซ์ (Latex Ink) นับว่ามีความปลอดภัยสูงสุด ในบรรดาหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์ Wide Format ซึ่งบราเดอร์เป็นที่ยอมรับมายาวนานในการพัฒนาหมึก รับประกันได้ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถใช้ได้ทั้งการพิมพ์สื่อในอาคารทั่วไป หรือแม้กระทั่งในสถานสาธารณสุขก็มีความปลอดภัยสูง นับเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม และยังสนับสนุนผู้ประกอบการ ให้เชื่อมั่นได้ว่า สามารถติดตั้งได้อย่างปลอดภัยสำหรับงานในอาคาร และยังทนทานต่องานที่ต้องติดตั้งกลางแจ้งอีกด้วย”
“และอีกหนึ่งจุดเด่นนั้นคือหัวพิมพ์ หัวพิมพ์ของเราจะมีความคงทนสูง เมื่อเทียบกับหัวพิมพ์ทั่วไป จะมีอายุการใช้งานสั้น กลายเป็นอุปกรณ์สิ้นเปลือง และเป็นต้นทุนแฝงที่เพิ่มเข้ามา ขณะที่หัวพิมพ์ของเราเมื่อคงทนสูง มีอายุการใช้งานนาน จึงช่วยลดต้นทุน และลดขยะ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม”
พงษ์พันธ์ ยังเผยถึงการพัฒนาหมึกพิมพ์ด้วยว่า “จากที่บริษัทฯ มีเป้าหมายจะไปสู่ตลาดเครื่องพิมพ์สำหรับอุตสาหกรรม จึงได้มีการพัฒนาหมึกลาเท็กซ์ ด้วยความใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก เรามีนโยบายที่จะขยายไปยังเครื่องพิมพ์สำหรับอุตสาหกรรมมากขึ้น ซึ่งกลุ่มนี้นำโดย GTX เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล ซึ่งทำตลาดในประเทศไทยมาได้ 4-5 ปีแล้ว จนเป็นที่กล่าวถึงใน วงการพิมพ์เสื้อ สกรีนเสื้อ โดยเฉพาะในประเทศไทยเรามีส่วนแบ่งทางการตลาดเกินกว่า 90% และเป็นผู้นำในระดับโลก มาถึงปีนี้ หมึกพิมพ์ลาเท็กซ์เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญ ที่เป็นจุดแข็งนำเราขยับเข้าถึงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการพิมพ์มากขึ้น ซึ่งรุ่นนี้ คือ ตัวแรกที่เข้ามาเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียนที่ประเทศไทย และที่เราเลือกหมึกลาเท็กซ์ ก็เพื่อสิ่งแวดล้อม”
เมื่อถามว่าเหตุใด Brother จึงสนใจรุกในตลาดอุตสาหกรรมการพิมพ์ พงษ์พันธ์ สุระวัฒน์เจริญ เผยว่า “เรามองถึงโอกาส เครื่องพิมพ์ Wide Format มีแนวโน้มในการเติบโต 5% แต่หากเจาะลึกไปถึงหมึกพิมพ์ลาเท็กซ์ เรามองโอกาสเติบโตอยู่ที่ 7-8 เปอร์เซ็นต์/ปี หากคิดถึงพื้นที่การพิมพ์ประเภทนี้ในแต่ละปี มีการประมาณการว่ามีพื้นที่มากกว่า 2.5 ล้าน ตารางกิโลเมตร/ปี เปรียบเทียบโดยง่าย คือ พื้นที่ 5 เท่า ของประเทศไทย
“สำหรับประเทศไทย ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราต่างได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19ทำให้การเติบโตทางการตลาดเป็นไปได้ช้า กระทั่งปีนี้สถานการณ์คลี่คลาย ทำให้ไตรมาสแรกเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี อัตราการเติบโตทางการตลาดสูงขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว เรามองว่า ภาพรวมของตลาดมีเดียเหล่านี้ กลับมาสู่สัญญาณที่ดี สืบเนื่องจากหลายธุรกิจเริ่มมีการรีโนเวทเริ่มมีการใช้บริการพิมพ์สื่อป้ายต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิ่งพิมพ์ในอินดอร์ การตกแต่งภายใน เช่น Wallpaper สติ๊กเกอร์ ภาพต่างๆ ผ้าม่าน แคนวาส ที่ทนความร้อนสูง ทั้งในโรงพยาบาลหรือสถานสาธารณสุข สถาบันการศึกษา ห้างสรรพสินค้า ที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยสูง ล้วนเป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่จะใช้เครื่องปริ้นต์ WF1-L640 ที่ตอบโจทย์การใช้งาน”
“Brother Latex Wide Format Printer WF1-L640 จึงนับเป็นการเปิดตัว เครื่องพิมพ์ลาเท็กซ์หน้ากว้าง Brother เครื่องแรก และครั้งแรก ในอาเซียน คาดว่าจะได้รับการตอบรับและครองใจคนรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างท่วมท้น” พงษ์พันธ์ กล่าว
