‘MOSHI’ ยอดจอง IPO ล้นหลาม นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพธุรกิจ พร้อมเข้าตลาด SET 22 ธ.ค.นี้

111

‘บมจ. โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น’ หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทย ส่งท้ายปี 2565 เตรียมพร้อมนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก 22 ธ.ค.นี้ ปลื้มกระแสตอบรับนักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย หลังขาย IPO 75 ล้านหุ้นหมดเกลี้ยง รุกขยายร้านสาขาเพิ่มเป็น 165 สาขา ภายในปี 2568  รักษาผู้นำอันดับ 1 ในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย 

สง่า บุญสงเคราะห์

สง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทยเปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 22 ธันวาคม 2565 โดยใช้ชื่อย่อ ‘MOSHI’ ในการซื้อขายหลักทรัพย์ ภายหลังประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 75 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขาย 21.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัท (P/E) ที่ประมาณ 28.66 เท่า ซึ่งภายหลังจากเปิดจองซื้อหุ้น ในวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา หุ้น MOSHI ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยมียอดจองล้นหลาม สะท้อนพื้นฐานธุรกิจและศักยภาพการเติบโตธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย ยิ่งจะช่วยสนับสนุนให้ MOSHI เป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนภายหลังจากเข้าเทรดอย่างแน่นอน 

ทั้งนี้ ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ในปี 2565-2568 ซึ่งจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า1,260 ล้านบาท แบ่งเป็น (1) ใช้สำหรับการขยายสาขาและการลงทุนโครงการในอนาคตเช่น การเปิดสาขารูปแบบร้านค้าปลีกนอกห้างสรรพสินค้า (Standalone) และรูปแบบร้านค้าแฟรนไชส์ (Franchise) เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาสาขาเดิม และการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทฯ เช่น การพัฒนาระบบ Supply Chain โดยตั้งเป้าหมายการขยายร้านสาขาของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 165 สาขา ภายในปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 400–450 ล้านบาท (2)  ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงินจำนวนไม่เกิน 754.01 ล้านบาท ภายใน ปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายและอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) หลัง IPO ลดลง และ (3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ สำหรับการบริหารจัดการสาขาเดิม การขยายสาขาใหม่ เป็นต้น 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวว่า ด้วยปัจจัยแห่งความสำเร็จของบริษัทฯ ที่สามารถสร้างการเติบโตจนสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย มาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 1) การเลือกและการปรับเปลี่ยนสินค้าที่ขายหน้าร้าน (Product Mix) และมีการออกจำหน่ายสินค้าใหม่ๆ และสินค้าตามเทศกาล ปีละกว่า 8,000 SKUs เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า อีกทั้งยังมีการนำเสนอสินค้าที่ใช้ลวดลายคาแรคเตอร์ที่เป็นลิขสิทธิ์ ได้แก่ Mickey Mouse, Winnie The Pooh, Hello Kitty, We Bare Bears, และ Snoopy เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มยอดขายสินค้า 2) การนำเสนอสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการและเทรนด์ล่าสุด บริษัทฯ มีการปรับตัวตามความต้องการและแนวโน้มของไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันอย่างใกล้ชิด คงคุณภาพและราคาที่เข้าถึงได้   3) การขยายพื้นที่ให้บริการครอบคลุมทั้งประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองใหญ่ หรือพื้นที่ชานเมือง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าไลฟ์สไตล์ได้ง่ายขึ้น  4) การออกแบบร้านค้าที่โดดเด่น ด้วยแนวคิดร้านค้าที่ชัดเจนเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จของบริษัทค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ มุ่งเน้นสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกเห็นด้วยหลักการออกแบบหน้าร้าน การตกแต่งทางเข้าร้าน และต่อยอดธีมการออกแบบของร้าน การใช้สีและแสงที่เข้ากัน เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า 5) กลยุทธ์การตลาดบนโซเชียลมีเดีย บริษัทฯ ได้ใช้โซเชียลมีเดียซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มการตลาดหลักในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น เพื่อสร้าง Brand Awareness ให้ร้านเป็นที่รู้จักและดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน พร้อมทั้งได้ร่วมกับผู้มีอิทธิพลทางโซเชียลมีเดีย เพื่อทำให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (ผู้ติดตาม) ที่กว้างขึ้น ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ในขณะเดียวกันยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้ออีกด้วย  

พงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล

พงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า MOSHI มีศักยภาพเติบโตสูงจากข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันต่างๆ ส่งผลให้ MOSHI ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศตั้งแต่ปี 2562 โดยพิจารณาจากรายได้ แม้ว่า MOSHI จะเป็นผู้เล่นที่จะค่อนข้างใหม่ในตลาดที่เริ่มดำเนินการในปี 2559 แต่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและเป็นผู้นำในตลาดภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งและสูงถึง 37.6% ในปี 2564  

ด้วยแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขยายสาขาไปยังพื้นที่ใหม่ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับจังหวัด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำเสนอสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักและรองในจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย และเป็นบริษัทฯ ที่มีสาขาครอบคลุมจำนวนจังหวัดสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งทั้งหมด นับเป็นสิ่งที่สะท้อนพื้นฐานและศักยภาพในการเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์รายใหญ่ของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี