WARRIX เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ติดปีกแบรนด์ SME ขึ้นชั้นแบรนด์โลก

190

หากไม่ใช่แฟนกีฬา หลายๆ คนก็อาจจะไม่คุ้นเคยกับแบรนด์ WARRIX กันเท่าไหร่นัก เพราะหากพูดถึงแบรนด์ชุดกีฬาสัญชาติไทย ส่วนใหญ่คงนึกถึงแกรนด์สปอร์ต หรือเอฟบีที  แต่หากเป็นแฟนกีฬา หรือใครที่เคยดูฟุตบอลทีมชาติไทย ก็จะรู้จักแบรนด์ WARRIX นี้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือแบรนด์ชุดกีฬาระดับเอสเอ็มอี ที่หาญกล้าเข้าประมูลชุดแข่งทีมฟุตบอลไทยจนชนะ ตัดชุดแข่งให้ทีมชาติไทยอยู่ในขณะนี้ 

“WARRIX” เป็นแบรนด์ชุดกีฬาจาก บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต ที่ก่อตั้งมาเมื่อ 9 ปีก่อน จากผู้ก่อตั้ง วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ที่ทำงานส่งผ้าตัดชุดกีฬาให้กับร้านชุดกีฬาชั้นนำ จนช่ำชองกับวงการนี้เป็นอย่างดี  โดยเริ่มทำตลาดด้วยการเสนอตัวทำชุดแข่งให้กับสโมสรฟุตบอลต่างจังหวัดที่เล่นอยู่ในลีกรอง จนในปี 2560 -2563 ก็ได้รับสิทธิ์จากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ให้เป็นผู้ผลิตชุดแข่งของทีมชาติไทย และได้รับสิทธิ์ต่อเนื่องมาจากปี 2564 – 2571 รวมอีก 8 ปี 

ซึ่งการที่ได้รับเลือกให้ผลิตชุดแข่งให้กับทีมชาติไทยนี่เอง ทำให้แบรนด์ WARRIX กลายเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ จนมีหลายๆ ชาติสนใจที่จะให้วอริกซ์ สปอร์ต เสนอตัวเข้าไปผลิตชุดแข่ง แต่ด้วยการเป็นธุรกิจขนาดกลาง ที่ไม่มีทุนมากพอ ทุกครั้งที่จะลงทุนต้องกู้ยืนจากธนาคาร ทำให้การขยายตลาดเป็นไปได้อย่างช้าๆ มีเพียงเพื่อนบ้าน เมียนมา ที่กลายเป็นชาติที่ 2 ที่ใช้ชุดแข่งฟุตบอลทีมชาติจาก WARRIX  

วิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วอริกซ์ สปอร์ค จำกัด(มหาชน) หรือ WARRIX กล่าวว่า การเติบโตของบริษัทฯ เริ่มมาจากการใช้ Licensed Business เป็นเครื่องมือการตลาดมาตลอด 9 ปี สร้างยอดขายเติบโตจาก 60 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท จนเมื่อได้รับลิขสิทธิ์ชุดฟุตบอลทีมชาติไทย ก็เติบโตสู่หลัก 500 ล้านบาท จนถึงปัจจุบันที่มีรายได้ทะลุหลัก 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายในการขยายธุรกิจจากผู้ผลิตชุดกีฬาสู่ ธุรกิจ Sport – Health& Lifestyle ครบวงจร รายแรกในประเทศไทย จึงนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI  เพื่อระดมทุนมาขยายธุรกิจตาเป้าหมาย

ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา วอริกซ์มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬาที่มีคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ระดับโลก เพื่อให้คนไทยเข้าถึงสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุดในราคาที่จับต้องได้ ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แบรนด์ผลิตภัณฑ์วอริกซ์ “WARRIX” เป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ประกอบด้วย

1) จุดเด่นในเรื่องนวัตกรรมเส้นใยและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความทันสมัย และเข้าใจความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มลูกค้า 

2) มีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการได้รับสิทธิสนับสนุนฟุตบอลทีมชาติไทย, ทีมสโมสรฟุตบอลชั้นนำต่างๆ, สถานศึกษาและองค์กรต่างๆ อีกหลายแห่ง รวมถึงมหกรรมกีฬาระดับภูมิภาคอย่างฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 

3) มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้โดยตรง 

4) ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data Driven withMarketing Strategy เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน ตั้งแต่วางแผนการสั่งผลิต การกำหนดราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย และการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ

วิศัลย์กล่าวต่อว่า วอริกซ์พร้อมจะสานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง สู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Sport – Health & Lifestyle แบบครบวงจร โดยใช้จุดแข็งการเป็นผู้นำในตลาดสินค้ากีฬา ต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ รวมถึงรุกเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งมีมูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี เป็นตลาดที่ใหญ่กว่าตลาดชุดและอุปกรณ์กีฬามาก  โดยปัจจุบันมีศูนย์วิทยาศาสตร์และการกีฬา หรือ Warrix Physiotherapy & PerformanceStudio ซึ่งมีบริการด้านการรักษา ฟื้นฟู ให้คำปรึกษา ให้องค์ความรู้ด้านโภชนาการ จากทีมนักกายภาพที่ได้รับใบอนุญาตและเทรนเนอร์มืออาชีพ พร้อมด้วยหลักสูตรเฉพาะทางสำหรับฟุตบอล มาราธอน กอล์ฟ จักรยาน และออฟฟิศซินโดรม เปิดให้บริการ 2 แห่ง สาขาแรกตั้งอยู่ที่ Stadium One และสาขาที่ 2 ตั้งอยู่ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งวางแผนจะพัฒนาเป็น WARRIX Run Hub สำหรับเป็นพื้นที่ในการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและผู้ชอบการออกกำลังกาย รวมถึงร้านขายสินค้าและอุปกรณ์วิ่ง ซึ่งเตรียมจะเปิดให้บริการในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ 

ขณะเดียวกันยังมุ่งสู่การเป็น Lifestyle Brand มากขึ้นผ่านการสนับสนุนอีเวนต์กีฬาอื่นๆ เช่น วิ่งมาราธอน วิ่งเทรล รวมถึงการจัดกิจกรรมอื่นๆ ร่วมซึ่งเป็นการ Cross-Industry Strategy เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลอาหาร และแคมป์ปิ้ง พร้อมทั้งมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าให้ครอบคลุม เช่น เสื้อโปโล สปอร์ตบรา สตรีทแวร์ รองเท้าแฟชั่น กระเป๋า หมวก หน้ากากผ้ากันฝุ่น อุปกรณ์ออกกำลังกาย และอุปกรณ์โยคะ เป็นต้น โดยในส่วนของฟุตบอล การระดมทุนก็จะให้บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าชิงสิทธิ์ชุดกีฬาในต่างประเทศ ซึ่งมีการติดต่อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงประเทศที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ เป็นการสร้างแบรนด์ WARRIX ขึ้นสู่แบรนด์ชุดกีฬาระดับโลก

ทั้งนี้ อีกส่วนหนึ่งในแผนการระดมทุน คือการนำไปใช้ในโครงการลงทุนที่วางแผนไว้ในอนาคต ประกอบด้วย 1)โครงการ Warrix Lifestyle @ Siam Square เป็นการขยายสาขาแห่งใหม่ เพื่อยกระดับแบรนด์และผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดระดับพรีเมียม รองรับธุรกิจไลฟ์สไตล์ในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการเฟสแรกภายในปีนี้ 2) โครงการศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา และสำนักงาน บริเวณถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2567 

นอกจากนี้ วอริกซ์ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ตั้งเป้าผลิตเสื้อจากวัตถุดิบรีไซเคิล ร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้านสังคม เช่น นำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามามีบทบาทในการพัฒนาร่างกาย  สนับสนุนกิจกรรมกีฬาแก่เยาวชน ด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น การปรับปรุงกระบวนการภายในเพื่อลดขั้นตอนการทำงานที่ผิดพลาด ตลอดจนดำเนินธุรกิจอย่างยุติธรรม เที่ยงตรงโปร่งใส ตามนโยบายของบริษัทฯ 

ด้าน พงศ์วรรธน์ ติยะพรไชย ผู้อำนวยการกลุ่มงานขาย บริษัท วอริกซ์ สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือWARRIX กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬามีมูลค่าสูงถึง   30,000  ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ประมาณ 15-20% ต่อปี จากพฤติกรรมของผู้คนที่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้กีฬาและกิจกรรมสุขภาพต่างๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวิ่ง การขี่จักรยาน การออกกำลังกายที่บ้านด้วยตัวเอง และโยคะ เป็นต้น รวมทั้งยังมีแรงหนุนจากการกลับมาแข่งขันของรายการกีฬาสำคัญอย่างเช่น FIFA World Cup 2022, AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 และโอลิมปิกในปี 2024 อีกด้วย ทำให้บริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเติบโตเหล่านี้  

โดยปัจจุบันรายได้หลักของวอริกซ์ ราว 80% มาจากการจำหน่ายสินค้าในกลุ่ม Non-Licensed ได้แก่ สินค้าคลาสสิก สินค้าคอลเลกชัน และสินค้าทำตามคำสั่ง (Made to Order) ที่มีสัดส่วนรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 34.90% 28.26% และ 16.21% ตามลำดับ ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม สามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาส และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับกลยุทธ์ของวอริกซ์ที่ต้องการลดการพึ่งพาสินค้าภายใต้สัญญาสนับสนุนและสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ขณะที่รายได้ส่วนที่เหลือจะมาจากสินค้าในกลุ่ม Licensed ซึ่งมีประมาณ 20% ประกอบด้วย สินค้าฟุตบอลทีมชาติ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 12.68% สินค้าสโมสรฟุตบอล 3.99% และสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ 1.89% นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ อีก 0.54% และรายได้จากการให้บริการคลินิกกายภาพอยู่ที่ 0.47% 

วิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ WARRIX มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และมีความพร้อมขยายธุรกิจในทุกๆ ด้าน เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันในอนาคต โดยบริษัทฯ มีวัตถุประสงค์นำเงินจากการระดมทุนไปใช้ลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและสำนักงาน ถนนพระราม 9 เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพและออกกำลังกาย และใช้เป็นสำนักงาน ส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการและดำเนินการโครงการต่างๆ ในอนาคต ทั้งนี้ WARRIX มีทุนจดทะเบียนจำนวน 300 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 0.5 บาทต่อหุ้น โดยเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้นจำนวน 210 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน  420 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น 

นลิน วิริยะเสถียร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ-ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ของ WARRIX เชื่อมั่นว่าจะได้รับความสนใจเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ด้วยจุดเด่นสำคัญ ดังนี้ (1) เป็นบริษัทไทยที่เป็นผู้นำในธุรกิจ Sport – Health & Lifestyle โดยมีแบรนด์ที่มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นผู้นำเทรนด์ในตลาดสินค้ากีฬา (2) เป็นบริษัทที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการขับเคลื่อนการเติบโต การบริหารจัดการสินค้า ต้นทุนและเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มาตรฐานเทียบเท่าแบรนด์กีฬาระดับโลก (3) บริษัทมีแนวทางการเติบโตไปสู่ธุรกิจด้าน Health & Lifestyle ที่ชัดเจน ภายใต้การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพมากขึ้น (4) มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับฐานข้อมูลลูกค้าและอุตสาหกรรม โดยใช้ AI – Artificial Intelligence เพื่อนำมาพัฒนากลยุทธ์ด้านการตลาดของบริษัทและกระตุ้นยอดขาย(5) ก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนองค์กรและแบรนด์ด้วย ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนของธุรกิจ 

          สำหรับการเสนอขายหุ้นสามัญของ WARRIXในครั้งนี้ มีจำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ซึ่งจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้ในเร็วๆ นี้ และคาดว่าจะพร้อมเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปี 2565