ครอบครัวณรงค์เดช เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ยืนยัน ‘เกษม ณรงค์เดช’ บริสุทธิ์

209

ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคุณหญิงกอแก้วกับพวก คดีเกษม ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทในเครือ เคพีเอ็น ฟ้องคุณหญิงปลอมลายมือชื่อโอนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี่ โฮลดิ้ง จำกัด ขณะที่ทนายโจทก์ลั่นเตรียมยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วันตามกฎหมาย ส่วนคดีที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอนุญาตให้เกษมเป็นโจทก์ร่วมในคดีแล้ว นัดสืบพยานต้นปีหน้า ส่วนทนายเตรียมยื่นสิทธิ์อุทธรณ์ ยันฟ้องตามข้อเท็จจริง

เวลา 10.00 น. วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่ห้องพิจารณาคดี 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีปลอมแปลงหุ้น หมายเลขดำที่ อ 2497/2561 นายเกษม ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้ง KPN เป็นโจทก์ฟ้อง คุณหญิงกอแก้ว  บุณยะจินดา ภรรยา พล.ต.อ.พจน์ บุณยะจินดา อดีตอธิบดีกรมตำรวจ, นายณพ ณรงค์เดช บุตรชายคนกลางของนายเกษม และนายสุรัตน์ จิรจรัสพร เป็นจําเลยที่ 1 ถึง 3 ตามลำดับ ฐานร่วมกันใช้เอกสารที่มีการปลอมแปลงลายเซ็นการโอนหุ้นของนายเกษมให้คุณหญิงกอแก้ว

โดยนายมนต์อนันต์ เรืองจรัส ทนายความของนายเกษม เปิดเผยภายหลังว่า “นายเกษม ณรงค์เดช และครอบครัวณรงค์เดช ขอยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องทุกประการ และจะใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ นอกจากคดีนี้แล้ว นายเกษม ณรงค์เดชยังได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อเพื่อดำเนินคดีกับนายณพ ณรงค์เดชและคุณหญิงกอแก้ว บุณยะจินดากับพวกเกี่ยวกับการปลอมและใช้เอกสารปลอมอีกหลายฉบับ ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ 1708/2564 แล้ว ศาลนัดสืบพยานในต้นปีหน้า โดยนายเกษม ณรงค์เดชได้รับอนุญาตจากศาลให้เข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการด้วยแล้ว”

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 สำนักงานอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องคุณหญิงกอแก้วและนายณพ เป็นจําเลยต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐานร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โอนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33, 83, 91, 264, 265, 268 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1708/2564 โดยจำเลยมีการสมคบคิดกันปลอมลายมือชื่อนายเกษมและตกลงใช้ตราสารการโอนหุ้นและเอกสารต่างๆ โอนหุ้นที่นายเกษมถือครองให้คุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเอกสารทั้งหมดได้รับการตรวจพิสูจน์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าเป็นลายเซ็นปลอมของนายเกษม ณรงค์เดช ทั้งสิ้น ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล