1 ทศวรรษ เมกาบางนา จากทางผ่านสู่ Meeting Place กรุงเทพตะวันออก

468
พลินี คงชาญศิริ

ย้อนกลับไปราว 20-30 ปีก่อน ภาพของถนนบางนาตราด หรือทางหลวงหมายเลข  34 ของคนกรุงเทพฯ และคนที่ใช้เส้นทางนี้ส่วนใหญ่  มีแค่บางนา และชลบุรี บางแสน พัทยา ระหว่างทางตลอดกว่า 58 กิโลเมตรไม่มีแลนด์มาร์คใดๆ  และก็ไม่มีผู้ประกอบการรายใดกล้ามาลงทุน

 มาจนถึงช่วงปี 2549  เมื่อสนามบินสุวรรณภูมิเปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมืองที่เคยคึกคักอยู่แค่บางนาช่วงต้นๆ ไม่เกินกิโลเมตรที่ 4 ก็เริ่มขยายตัวออกไป สิ่งปลูกสร้างโดยเฉพาะบ้านจัดสรรเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวโครงการคลังสินค้าเพื่อรองรับการขนส่ง อาคารสำนักงาน ก็เริ่มปรากฏมากขึ้น

และในปี 2555 อภิมหาโครงการศูนย์การค้าขนาด 200 ไร่ บนถนนบางนาตราด กิโลเมตรที่ 8 “เมกาบางนา” ก็เกิดขึ้น และวาดแผนที่จะต่อยอดสู่โครงการมิกซ์ ยูส “เมกาซิตี้” ที่จะประกอบด้วย อาคารที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม โรงเรียน ศูนย์การค้า และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์  ก็เกิดขึ้น

พลินี คงชาญศิริ

พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหาร
เมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้
เปิดเผยว่า  ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการศูนย์การค้ามาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่พลิกโฉมพื้นที่เปล่าย่านบางนาให้เป็นศูนย์การค้าแนวราบขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแนวคิดและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ต้องการสร้างศูนย์การค้าแห่งนี้ให้เป็นมากกว่าแหล่งช็อปปิ้ง แต่เป็น ‘Your Everyday Meeting Place’ ที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม อีกทั้งยังนำเสนอประสบการณ์ที่ลูกค้าจะหาไม่ได้จากศูนย์การค้าอื่น ๆ

โดยพลินี เผยถึงกลยุทธ์ที่ทำให้เมกาบางนาประสบความสำเร็จ  3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย

 กลยุทธ์ที่ 1 EVOLVING TENANT MIX :  หัวใจหลักของการบริหารศูนย์การค้าให้เป็นSuccessful Retail Destination คือ การบริหารจัดการ Tenant Mix  เมกาบางนามีกาปรับเปลี่ยนพัฒนาร้านค้าต่าง ๆ ให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและกระแสนิยมของลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ ตามความตั้งใจที่จะสร้างให้เมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกเจเนอเรชั่น และตอบโจทย์พฤติกรรมการช็อปปิ้งแบบ One-Stop Shopping Destination โดยเมกาบางนามี Key Anchor ใหญ่ถึง 5 แบรนด์ที่ถือเป็น Magnet สำคัญที่ช่วยดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ คือ

  อิเกีย ผู้จัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านจากประเทศสวีเดน ซึ่งมาเปิดให้บริการที่เมกาบางนาเป็นสาขาแรกในประเทศไทย

 โฮมโปร ศูนย์รวมอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ในบ้านที่ครบจบในที่เดียว

 เซ็นทรัล@เมกาบางนา หนึ่งในการปรับเปลี่ยน Positioning เพื่อตอบโจทย์ Customer Profile  ของเมกาบางนาที่เปลี่ยนไป ซึ่งมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น  จึงมองหาสินค้าและบริการในระดับพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น  จึงปรับเปลี่ยนจากห้างโรบินสันเดิม มาเป็นเซ็นทรัล  อีกทั้งยังมีการวางแผนในส่วนต่อขยายเพิ่มเติมอีก 1 หมื่นตารางเมตร  รวมถึงการเปิด เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ ในเร็วๆ นี้

 บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า ไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค คุณภาพดีในราคาย่อมเยา

 เมกา ซีนีเพล็กซ์ รวมทั้ง บลูโอ โบว์ล และซับซีโร่ ไอซ์ สเก็ต ซึ่งเป็นศูนย์รวมความบันเทิงสำหรับทุกคในครอบครัว

 นอกจากนี้ลูกค้ายังจะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับร้านค้าใหม่ ๆ ที่ทยอยมาเปิดให้บริการ อาทิ  CAMPER, MOSSIMO, SAEMAEUL SIKDANG, MOS BURGER, OHKAJHU, SUSHIRO, ACE, AMD, YAKINIKU LIKE, DYSON DEMO  รวมไปถึงร้านค้าเดิมที่มีการปรับปรุงร้านให้สวยงามยิ่งขึ้นอยู่ตลอดเพื่อสร้างบรรยากาศภายในร้าน ดึงดูดให้เข้าไปใช้บริการอยู่เสมอ

 กลยุทธ์ที่  2  NEW & NOW EXPERIENCE  เมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าที่ไม่เคยหยุดพัฒนา และสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ ให้กับลูกค้ามาโดยตลอด ทั้งการช็อปปิ้งที่ลูกค้าสามารถมาอัปเดตแบรนด์ใหม่ ๆ ที่กำลังอยู่ในกระแสนิยม หรือสิทธิประโยชน์ลูกค้าก็จะได้รับความคุ้มค่ามากกว่า เมื่อมาช็อปที่เมกาบางนาด้วยสิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส ที่มีให้ทุกวัน กับ 365-Day Marketing Campaign ทุกการใช้จ่ายสามารถสะสมแต้มยิ้ม เพื่อนำมาแลกของรางวัลหรือส่วนลดต่าง ๆ มากมาย

เมกาบางนามีการจัดกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยร่วมกับพันธมิตรต่าง ๆ และร้านค้าผู้เช่าภายในศูนย์การค้า ทุกกลุ่มผู้เช่า เพื่อมอบความคุ้มค่า และความสนุกในการช็อปปิ้งมากยิ่งขึ้น หรือของรางวัลต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ให้ลูกค้า ล้วนแต่เป็นสิ่งที่อยู่ในเทรนด์และคัดสรรแต่สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ  อีกทั้งกิจกรรมในช่วงเทศกาลสำคัญต่าง ๆ  ปีใหม่ ตรุษจีน หรือสงกรานต์  ก็มีการตกแต่งบรรยากาศ แปลงโฉมศูนย์การค้าให้เข้ากับแต่ละเทศกาล และยังมีจัดการแสดงสร้างความสนุกสนานให้กับลูกค้าในทุกเทศกาลสำคัญ ซึ่งลูกค้าสามารถมาใช้เวลาเดินเล่นถ่ายรูปกับครอบครัวได้ สอดคล้องกับแนวคิดที่ว่า เมกาบางนาจะเป็นมากกว่าศูนย์การค้า  ให้ลูกค้ามีช่วงเวลาที่ดีที่สุดทุกครั้งเมื่อมาใช้บริการ

 กลยุทธ์ที่ 3  SUSTAINABILITY & ECO-FRIENDLY OPERATIONS การดึงดูดและการบริหารจัดการจำนวนลูกค้าให้มาใช้บริการที่เมกาบางนา คือความท้าทายและถือเป็นภารกิจที่สำคัญในการทำงานของทีมงานเมกาบางนาทุกคน ด้วยโจทย์นี้เมกาบางนาจึงได้พัฒนาโครงการเมกาซิตี้ (MEGACITY) ซึ่งเป็นการสร้างคอมมิวนิตี้ขนาดใหญ่ และไลฟ์สไตล์แบบใหม่ที่จะทำให้เมกาบางนาแตกต่างจากศูนย์การค้าทั่วไปได้อย่างชัดเจน เป็นการสร้างความยั่งยืน (SUATAINABILITY) ในเรื่องผู้เข้าใช้บริการในศูนย์การค้า

ด้วยความได้เปรียบในด้านพื้นที่ในโครงการซึ่งเป็นที่ดินผืนใหญ่ รวมกว่า 400 ไร่ และเป็นทำเลเศรษฐกิจที่สำคัญ ทำให้เมกาบางนาสามารถพัฒนาพื้นที่นี้ให้กลายเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบได้ โดยเมื่อปี  2560 เมกาบางนาได้ประกาศการพัฒนาโครงการเมกาซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ ยูส” มูลค่ากว่า 67,000 ล้านบาท ซึ่งตามแผนพื้นที่นี้จะประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงเรียน โรงแรม ศูนย์รวม Entertainment รูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึง Attraction อื่นๆ โดยมีศูนย์การค้าเมกาบางนาเป็นศูนย์กลาง ซึ่งคาดว่าหากโครงการเสร็จสมบูรณ์จะทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการในโครงการเมกาซิตี้ และเมกาบางนาถึงวันละ 250,000 คน เกิดเป็นจำนวน Traffic ที่หมุนเวียน ทั้งเมกาบางนาและเมกาซิตี้ ซึ่งการวางแผนในภาพใหญ่ทั้งหมดนี้ จะทำให้โครงการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

นอกจากนี้ ด้วยจุดแข็งในเรื่องขนาดพื้นที่ที่สามารถรองรับการพัฒนาส่วนต่อขยายต่าง ๆ ทั้ง Commercial Space และ Non-commercial Space อาทิ การสร้างสวนสาธารณะ เมกาพาร์ค บนที่ดินกว่า 7 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับคนย่านบางนามาพักผ่อนหย่อนใจโดยไม่มีค่าใช้จ่าย  ซึ่งลูกค้าจะไม่สามารถหาสถานที่แบบนี้ได้จากศูนย์การค้าที่อยู่ในเมืองอย่างแน่นอน ทำให้เมกาบางนา ทั้งหมดได้สร้างให้ เมกาบางนา เป็น Meeting Place ที่เหมาะสำหรับทุกคนให้สามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้อย่างมีคุณภาพและครบทุกความต้องการ  ไม่ว่าจะช็อปปิ้ง รับประทานอาหาร ชมภาพยนตร์ ออกกำลัง พักผ่อน หรือแฮงก์เอาท์กับเพื่อนได้ทุก ๆ วัน จนทำให้ปัจจุบันเมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยม และติดอันดับศูนย์การค้าที่ลูกค้าจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ

การวางกลยุทธ์ทั้ง 3 นี้ ทำให้แม้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมกาบางนาก็สามารถปรับกลยุทธ์รับมือกับสถานการณ์และผ่านวิกฤตมาได้ และเมื่อกลับมาเปิดให้บริการ ทางศูนย์การค้าก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการได้เป็นอย่างดี ด้วยมาตรการป้องกันที่เข้มข้นจนทำให้มีจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการถึง 42 ล้านคนในปี 2564  อีกทั้งมีผู้เช่ารายใหม่ ๆ ทยอยเข้ามาเปิดให้บริการภายในศูนย์การค้าเมกาบางนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังได้แบรนด์ที่เป็น Premium Tier ที่ตัดสินใจมาเปิดที่เมกาบางนาด้วยความเชื่อมั่นในกำลังซื้อของลูกค้าของเมกาบางนา อาทิ CHANEL FRAGRANCE & BEAUTY, GUCCI BEAUTY, DIOR COSMETICS, YSL, YUZU SUKI, KAM’S ROAST และ ทองสมิทธ์ เป็นต้น  ทำให้อัตราการเช่าพื้นที่ของเมกาบางนาเต็มเกือบ 100% มาโดยตลอด

 สำหรับโครงการเมกาซิตี้ ซึ่งเป็นโครงการลงทุนระยะยาว มีการพัฒนาไปแล้วกว่า 40% และได้มีการพัฒนาองค์ประกอบต่าง ๆ ไปแล้วอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ส่วนต่อขยายเมกา ฟู้ดวอล์ค ที่มาพร้อมกับที่จอดรถ 1,200 คัน และร้านอาหารเพิ่มกว่า 30 ร้าน, อาคารจอดรถอิเกีย 8 ชั้นที่เชื่อมต่อกับตึกเดิมของอิเกียที่รองรับรถได้เพิ่มถึง 2,000 คัน  ซึ่งทำให้ปัจจุบันเมกาบางนาสามารถรองรับรถได้ครั้งละถึง 12,000 คัน, ส่วนต่อขยายโซนเมกา สมาร์ท คิดส์ แหล่งรวมสถาบันสอนเสริมทักษะกว่า 20 แห่ง , Mega Harborland สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่, สวนสาธารณะเมกาพาร์ค, โรงเรียนประถมศึกษานานาชาติ ดิษยะศริน กรุงเทพ  และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ ซึ่งโครงการแรกได้แล้วเสร็จและทำการส่งมอบแค่ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว และมีอีก 1 โครงการที่ก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จ พร้อมจะส่งมอบให้กับผู้ซื้อโครงการได้ภายในปี 2566 นี้  รวมถึงโครงการ TOPGOLF (ท็อปกอล์ฟ) แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนพื้นที่กว่า 29 ไร่ในโครงการเมกาซิตี้  พร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ปี 2565  นอกจากนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาพัฒนาโรงแรมภายในโครงการ โดยจะเป็นโรงแรมสำหรับเจาะกลุ่มนักธุรกิจที่แตกต่างกัน 3 โรงแรม บนพื้นที่รวมกว่า 13,000 ตารางเมตร”

 

อีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา คือ ECO-FRIENDLY OPERATIONS โดยเมกาบางนาใช้งบลงทุนไปกว่า 1 พันล้านบาทในการพัฒนาโครงการอนุรักษ์พลังงานและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ชุมชน เพื่อตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ ช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับชุมชนและโลก อาทิ ลดการใช้สารเคมีในการทำความเย็นภายในอาคารทั้งหมด เพื่อลดความเสี่ยงด้านสุขภาพและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเจ้าหน้าที่รวมทั้งส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ รวมเกือบ 17,000 แผงเต็มพื้นที่ 60,000 ตารางเมตร บนหลังคาที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 13 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 8.3 ล้านกิโลกรัมต่อปี และลดการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศได้มากกว่า 20% อีกทั้งยังมี การสร้างโรงบำบัดน้ำเสียมาตรฐานระดับสากลโดยใช้เทคโนโลยีเมมเบรนแทนการใช้สารเคมี โดยน้ำที่ผ่านไส้กรองสามารถนำมาใช้หมุนเวียนในกิจกรรมดูแลรักษาต้นไม้ และงานทำความสะอาดภายในศูนย์การค้า ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำประปาได้มากกว่าปีละ 1 แสนหน่วย

เมื่อธุรกิจสามารถเดินหน้ามาได้อย่างแข็งแกร่ง และเติบโตได้อย่างมั่นคง ในโอกาสครบรอบ10 ปี เมกาบางนาจึงได้ทุ่มงบประมาณการตลาดกว่า 20 ล้านบาท จัดแคมเปญและโปรโมชั่นสุดพิเศษ “Megabangna 10th Anniversary” เพื่อแทนคำขอบคุณให้กับลูกค้าที่สนับสนุนเมกาบางนามาตลอด

โดยตลอดเดือนพฤษภาคม กรกฎาคม 2565 เมื่อใช้จ่ายที่เมกาบางนาตามเงื่อนไข สามารถลุ้นรับรางวัลได้มากมายมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท รางวัลใหญ่เป็นรถยนต์ Honda Accord1.5 TURBO EL มูลค่า 1,499,000 ล้านบาท, กล้อง Leica Q2 มูลค่า 197,000 บาท, บัตรกำนัลแทนเงินสดจากอิเกีย มูลค่า 50,000 บาท และรางวัลอื่นๆ รวมทั้งหมด 10 รางวัล , และเตรียมช็อปลุ้นเซอร์ไพรส์กับ Surprised Weekend! ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม   หากมาช็อปที่เมกาบางนาเตรียมตัวลุ้นรับเซอร์ไพรส์จาก 10 ร้านค้าที่ร่วมรายการ มูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท พร้อมรับสิทธิพิเศษจากร้านค้าทั่วทั้งศูนย์การค้า ถึง 2 ต่อ ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้ โดยต่อที่ 1 เมื่อทานอาหารหรือ ช็อปครบตามเงื่อนไข รับทันทีส่วนลดพิเศษ หรือของพรีเมี่ยม หรือเมนูพิเศษจากร้านค้าที่ร่วมรายการกว่า 80 ร้าน  และต่อที่ 2 รับของพรีเมียมคอลเลคชั่นพิเศษฉลอง 10 ปีเมกาบางนา เมื่อ กิน/ช็อปครบตามเงื่อนไข  

นอกจากนี้ เมกาบางนายังได้มีการตกแต่งพื้นที่อย่างยิ่งใหญ่สวยงามและมีกิจกรรมสร้างสีสัน สร้างบรรยากาศการช็อปปิ้งให้ครึกครื้นทุกช่วงวันหยุด ตลอดเดือนพฤษภาคมนี้

 พลินี มั่นใจว่า การเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น แม้ผู้คนจะระมัดระวังเรื่องการใช้เงิน จากปัญหาราคาน้ำมันสูงขึ้น รวมถึงค่าไฟก็มีการปรับขึ้น แต่ก็เชื่อว่าเป็นความกังวลในระยะสั้น เมกาบางนา ยังคงยืนยันในปณิธาน  ‘We Create A Better Everyday Life for the Many People’ ที่ยึดมั่นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ในการสร้างสรรค์และพัฒนาพื้นที่สำหรับทุก ๆ คน และชุมชน เพื่อให้สามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับธุรกิจของเราได้ รวมทั้งการส่งเสริมการใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพและยั่งยืนสำหรับคนไทยและประเทศไทย  และจากนี้ เมกาบางนาก็จะยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการ  เพื่อยกระดับตลาดรีเทล ของไทยให้แข่งขันกับเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ