บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งด้ านฐานะทางการเงิน หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียวเพิ่มทุ นจดทะเบียน โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุ นจำนวนไม่เกิน 275,120,000 หุ้น พร้อมอนุมัติขายหุ้น GPSC ในสัดส่วน 10.78% มูลค่า 22,351 ล้านบาท ให้แก่ ปตท. ( PTT)
วิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริ หารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า การจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้ นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการเพิ่ มทุนจดทะเบียนจำนวน 2,751,200,000 บาท จะส่งผลให้ทุนจดทะเบียนบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 23,151,478,730 บาท จากเดิม 20,400,278,730 บาท โดยจะดำเนินการออกหุ้นสามัญเพิ่ มทุนจำนวนไม่เกิน 275,120,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท เพื่อ 1) จัดสรรและเสนอขายให้แก่ ประชาชนทั่วไป ( Public Offering: PO) จำนวนไม่เกิน 239,235,000 หุ้น รวมการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถื อหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของหุ้นสามัญทั้งหมดที่ ออกและเสนอขายในครั้งนี้ โดยจะไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่ จะทำให้หรืออาจเป็นผลให้บริษัทฯ มีภาระหรือหน้าที่ตามกฎหมายต่ างประเทศ และอาจพิจารณาเสนอขายหุ้นเพิ่ มทุนบางส่วนให้แก่ประชาชนทั่ วไปด้วย และ 2) อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่ มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้ อหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยผู้จั ดหาหุ้นส่วนเกิน ( Over-Allotment Agent) เพื่อรองรับกระบวนการจัดสรรหุ้ นส่วนเกินกว่าจำนวนที่จัดจำหน่ าย ( Over-Allotment) จำนวนไม่เกิน 35,885,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่ เสนอขายครั้งนี้
วิรัตน์ เอื้อนฤมิต
ขั้นตอนต่อไป บริษัทฯ เตรียมยื่นแบบคำขออนุ ญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมู ลการเสนอขายหลักทรัพย์ ( Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลั กทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขออนุมัติการเสนอขายหุ้ นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่ วไป ( Public Offering: PO) สำหรับเดินหน้าตามแผนปรั บโครงสร้างเงินทุนให้แข็งแกร่ง รองรับการขยายธุรกิจในอนาคต
พร้อมกันนี้ผู้ถือหุ้นได้มีมติ อนุมัติการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ ( GPSC) จำนวนทั้งสิ้น 304,098,630 หุ้น สัดส่วนประมาณ 10.78% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ ายได้แล้วทั้งหมดของ GPSC เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 22,351 ล้านบาท ให้แก่บมจ.ปตท. ( PTT) และ/หรือ บริษัท สยาม แมนเนจเม้นท์ โฮลดิ้ง จำกัด ( SMH) ซึ่ง ปตท. ถือหุ้นทางอ้อมในสัดส่วน 100% โดยคาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่ าวจะดำเนินการแล้วเสร็ จภายในไตรมาส 2/ 2565 อย่างไรก็ตาม ภายหลังการทำธุรกรรมแล้วเสร็จ ไทยออยล์จะยังคงมีสัดส่วนการถื อหุ้นใน GPSC ไม่น้อยกว่า 10% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ ายได้แล้วทั้งหมดของ GPSC เพื่อรักษาผลตอบแทนที่จะได้ จากธุรกิจไฟฟ้าตามแผนยุทธศาสตร์ ระยะยาวของบริษัทฯ
วิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุ นและปรับลดสัดส่วนการลงทุนใน GPSC ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อฐานะทางการเงินที่ แข็งแกร่งขึ้น โดยบริษัทฯ จะนำเงินที่ได้รับไปชำระคืนเงิ นกู้ยืมระยะสั้น ( Bridging Loan) จากการเข้าลงทุนในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) บริษัทผู้ผลิตปิโตรเคมี สายโอเลฟินชั้นนำของประเทศอิ นโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดอัตราส่ วนระหว่างหนี้สินสุทธิต่อทุน ( Net Debt-to-Equity Ratio) ให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า อีกทั้งจะช่วยคงอันดับความน่ าเชื่อถือด้านเครดิต ( Credit Rating) ให้อยู่ในเกณฑ์กลุ่มระดับลงทุน ( Investment grade) ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมต่ อยอดและขยายธุรกิจในโครงการต่ างๆ เพิ่มเติมจากธุรกิจการกลั่นน้ำ มัน ไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมี ธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ( High Value Product) ธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอื่นๆ ที่เป็น New S-Curve
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมแผนการลงทุนในปี 2564 – 2567 เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 3,431 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยโครงการที่เป็นเป้าหมายสำคัญ ได้แก่ 1) โครงการพลังงานสะอาด ( Clean Fuel Project หรือ CFP) ที่จะขยายกำลังการกลั่นเพิ่มเป็ น 400,000 บาร์เรลต่อวัน และเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นให้ สามารถรองรับการผลิตวัตถุดิ บสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ( High Value Product) ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น 2) โครงการลงทุนธุรกิจโอเลฟินใน CAP ผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้ นนำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโครงการต่อจากการเข้ าลงทุนใน CAP เมื่อปี 2564 เพื่อรุกเข้าสู่ธุรกิจโอเลฟิ นได้อย่างรวดเร็วและขยายความร่ วมมือกับพันธมิตรใหม่ทางธุรกิ จไปสู่ตลาดต่างประเทศที่มี ความต้องการสูง ทำให้ไทยออยล์ได้รับประโยชน์ จากการต่อยอดห่วงโซ่คุณค่าระหว่ างทั้ง 2 โครงการ เนื่องจากสามารถส่งผลิตภัณฑ์ จากโรงกลั่นของโครงการ CFP เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบให้กับ CAP ซึ่งจะช่วยเพิ่มทั้ งความสามารถทางการแข่งขัน และเพิ่มอัตราการทำกำไรให้มี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ไทยออยล์ยังคงเดินหน้าสู่เป้ าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจพลั งงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘ Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals’ โดยการยอดสู่ธุรกิจที่ หลากหลายโดยอาศัยรากฐานที่มั่ นคงจากธุรกิจหลัก ( Building on Our Strong Foundation) พร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้ อมและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่ อเนื่องเพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชี วิตและเติบโตไปพร้อมกับคนไทย พร้อมก้าวสู่องค์กร 100 ปีอย่างยั่งยืน