Thailand Riviera การยกระดับเมืองท่องเที่ยวชายทะเล สู่การเป็นเมืองแห่งการพักผ่อนระดับโลก

482

ทุกครั้งที่ร่างกายอ่อนล้า หมดพลังจากการใช้ชีวิตและการทำงาน สิ่งแรกที่เรานึกถึงคือ การพาตัวเองไปเจอลม เจอคลื่น เจอทะเล เปลือยเท้าเดินไปบนหาดทรายเม็ดละเอียดสีขาว ให้สีเขียวอมฟ้าของน้ำทะเลช่วยเยียวยา ถ่ายรูปลงโซเชียลเน็ตเวิร์กเก็บไว้เป็นความทรงจำ และแชร์สถานที่ดี ๆ ที่ได้พบเจอให้คนอื่น ๆ ได้เดินทางมาสัมผัสบ้าง ซึ่งข้อดีของประเทศไทยคือ บ้านเรานั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรมในทุกจังหวัด ไม่ได้มีเฉพาะเพียงเมืองหลักเท่านั้น แต่ยังมีเมืองรองที่ยังสามารถยกระดับให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกได้ ซึ่งแนวทางหนึ่งที่เรียกว่า Thailand Riviera นั้น จะสามารถช่วยสนับสนุนการเติบโตนี้ได้

โครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า (Thailand Riviera) แนวทางพัฒนาการท่องเที่ยวในเขตฝั่งทะเลตะวันตก

โครงการนี้เป็นโครงการส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลด้านตะวันตก โดยมี ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย ภาควิชาการวางเเผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักวิจัยโครงการระดับ Mega Events Thailand Riviera

ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวว่า“เมืองที่ว่านี้ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อยกระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลเพื่อการพักผ่อนระดับโลก เฉกเช่น French Riviera หรือ Italian Riviera เป็นต้น ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมีเป้าหมายเพื่อการส่งเสริมพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ชายฝั่งทะเล 4 จังหวัด ให้เต็มศักยภาพและความพร้อมของพื้นที่ รวมถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากโครงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐในอนาคต เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้สู่เมืองรองและชุมชนตามนโยบายรัฐบาล”

โครงการไทยแลนด์ ริเวียร่า เป็นนโยบายสำคัญที่ได้รับการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรมมาตั้งแต่ปี 2561  โดยทางรัฐบาลต้องการใช้การท่องเที่ยว เป็นเครื่องมือในการกระจายรายได้จากเมืองหลักสู่เมืองรอง เสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของเมืองรองและชุมชนที่อยู่ทางอ่าวไทยฝั่งตะวันตกใน 4 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ซึ่งจากการศึกษาพบว่า จังหวัดเหล่านี้มีศักยภาพที่ดีในการพัฒนาเป็นสถานที่พักตากอากาศที่ดีทัดเทียมต่างประเทศได้

“พื้นที่ดังกล่าว มีศักยภาพในการพัฒนาสู่การเป็นแหล่งพักตากอากาศที่มีคุณภาพ เช่นเดียวกับ French Riviera และ Italian Riviera เนื่องด้วยมีความหลากหลายของสถานที่ และกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เชิงวัฒนธรรม เชิงประวัติศาสตร์ เชิงกีฬา และการท่องเที่ยวโดยชุมชน” ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าว

แนวคิดในการพัฒนาเมืองชายฝั่งทะเลคือ จะเน้นการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ยึดรูปแบบการท่องเที่ยวโดยใช้รถยนต์และรถไฟ ทั้งยังมุ่งเน้นพัฒนาเส้นทางการคมนาคมขนส่งที่มีคุณภาพและมาตรฐาน  เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก เพราะเมืองเหล่านี้มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ และคนส่วนใหญ่ยังไม่รู้อีกมาก เช่น แอ่งชื่นสุขวารี อยู่ในเขตจังหวัดชุมพรและระนอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เน้นเรื่องสุขภาพ เพราะมีแหล่งนํ้าพุร้อน และทรัพยากรทางทะเลที่มีความสมบูรณ์ หรือแอ่งเพชรคีรีบุรีสุข บริเวณหาดปราณบุรี ซึ่งเหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบครอบครัว และแอ่งสนุกสมุทรนิเวศ ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และชุมพร ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศทางทะเล เป็นต้น

ผศ.ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวต่อว่า “อีกสิ่งที่สำคัญคือ เรื่องของการสร้างภาพลักษณ์ของเมืองต่าง ๆ ให้โดดเด่น และเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูง (High End) ในตลาดโลกให้มากขึ้น เพื่อให้เมืองรองเหล่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่มีความหรูหรา และมีคุณภาพทัดเทียมกับเมืองท่องเที่ยวต่างประเทศ”

จุดประสงค์ของการพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวตามนโยบายนี้  เป็นความต้องการที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการหารายได้จากการท่องเที่ยว โดยการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิม ไปจนถึงจัดระเบียบการท่องเที่ยวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม

“ต้องมีการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวก การออกแบบพื้นที่ต่าง ๆ ไปสู่แหล่งท่องเที่ยวระดับโลกหรือเป็น World Class Destination ให้ได้”

เชื่อว่านโยบายของโครงการ Thailand Riviera นอกจากจะช่วยกระจายนักท่องเที่ยวจาก ‘เมืองหลัก’สู่ ‘เมืองรอง’ แล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้จากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ พัฒนายกระดับมาตรฐานการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวโดยรวม และจะกลายเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามติดอันดับโลกได้อย่างแน่นอน