สธ.-หัวเว่ย ลงนามพัฒนาระบบ 5G Healthcare สนับสนุนการแพทย์ทางไกล

204

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกรมการแพทย์และหัวเว่ย พัฒนาระบบ 5G Healthcare สนับสนุนการแพทย์ทางไกล รถพยาบาล 5G งานบริการคลาวด์ ประยุกต์ใช้ AI จาก Big Data ด้านสุขภาพ ช่วยการวินิจฉัยภาพทางการแพทย์ พร้อมทั้งทำให้เป็น personal-based medical services ขับเคลื่อนได้เร็วขึ้น รองรับการแพทย์วิถีใหม่ ประชาชนเข้าถึงบริการได้ทุกที่ทุกเวลา

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ว่าด้วย “การศึกษาและพัฒนาระบบ 5G Healthcare” ระหว่าง นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ และ เฉียน เหลียว รองประธานกรรมการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด โดยมี อาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วม

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพระบบบริการสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีการพัฒนาอย่างมาก สามารถนำมาเพิ่มประสิทธิภาพ ทั้งระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ระบบคิว ระบบงานบริการของโรงพยาบาล ระบบส่งต่อ และการเชื่อมโยงข้อมูลบริการสุขภาพที่เป็น Big Data  เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเหมาะสม ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จ ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องมือ ความเชี่ยวชาญ  และการใช้เทคโนโลยี 5G ระดับโลกจากหัวเว่ย ส่งผลให้บริการสุขภาพผ่านเครือข่ายดิจิทัลมีความเร็วสูง เกิดความครอบคลุมทั้งพื้นที่เขตเมืองและชนบท ลดช่องว่างให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการอย่างเท่าเทียม ทันเวลา และทันต่อเหตุการณ์ ถือเป็นการรองรับการแพทย์และสาธารณสุขวิถีใหม่ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โรคโควิด 19 ที่ยังต้องเข้มเรื่องรักษาระยะห่าง ดังนั้น กรมการแพทย์และหัวเว่ยจึงได้ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อศึกษาและและวิเคราะห์การใช้ประโยชน์จากระบบ 5G  นำมาประยุกต์ใช้ในกิจการทางการแพทย์ และการให้บริการประชาชน โดยต้องขอบคุณความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีจากหัวเว่ย ที่ได้ให้การสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์และทีมที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูงมาทำงานร่วมกับกระทรวงฯ และกรมการแพทย์ที่สนับสนุนองค์ความรู้ทางการแพทย์ เป็นการให้บริการทางการแพทย์ทุกที่ทุกเวลา

ด้าน นายแพทย์สมศักดิ์ กล่าวว่า การศึกษาและพัฒนาระบบ 5G Healthcare ประกอบด้วย ระบบการแพทย์ทางไกล 5G และรถพยาบาล 5G ภายใต้กรอบการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ 5 ประเด็น ได้แก่ 1.งานบริการทางการแพทย์ โดยหัวเว่ยสนับสนุนการออกแบบโซลูชั่นด้านสาธารณสุขสำหรับสถาบันทางการแพทย์ ส่งเสริมการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตทางการแพทย์ สนับสนุนอุปกรณ์สำหรับการแพทย์ทางไกล ส่วนกรมการแพทย์สนับสนุน แพทย์ พยาบาล สหวิชาชีพ  ให้บริการการแพทย์เคลื่อนที่ และการแพทย์ทางไกล กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้โดยไม่ละเมิดนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย ทำให้ลดภาระการเดินทาง ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงระบบการดูแลรักษาได้ง่ายขึ้น    2. งาน 5G เทคโนโลยี บูรณาการใช้เทคโนโลยี 5G เข้ากับบริการทางการแพทย์  ทำให้สามารถขับเคลื่อนการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลในระยะยาวทั่วประเทศไทย ตัวอย่างเช่น พัฒนารถยนต์ไร้คนขับ 5G เพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากรทางแพทย์ต่อการติดเชื้อ 3. งานบริการด้านคลาวด์  สำหรับการประยุกต์ใช้ AI มาช่วยบุคลากรทางการแพทย์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น พัฒนาเทคโนโลยีการวินิจฉัยโรคโดยใช้AI เพื่อการรักษาและวินิจฉัยโควิด-19 ช่วยให้วินิจฉัยโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วภายใน 25 วินาทีต่อเคส ด้วยความปลอดภัย แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น  4. งานส่งเสริมองค์ความรู้ในองค์กร โดยพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อส่งเสริมและพัฒนากระบวนการเรียนรู้ทักษะใหม่หรือทักษะที่สูงขึ้น ให้กับบุคลากรทั้งสองฝ่าย ผ่านการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางหลักสูตรที่เกี่ยวข้อง และ 5.งานความร่วมมือกับภาครัฐบาล เพื่อค้นคว้า วิจัย และร่วมผลักดันระบบ 5G และบริการคลาวด์ในประเทศไทยให้เป็นที่แพร่หลายมากขึ้น เพื่อเป็นการรองรับการแพทย์และสาธารณสุขวิถีใหม่ (New Normal Medical Services and Public Health) ซึ่งเป็นระบบบริการทางการแพทย์ที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง (personal-based medical services)

ทั้งนี้ ภายในงานยังมีการสาธิตการใช้งานโซลูชันดิจิทัลที่ผสานรวมเทคโนโลยี 5G+Cloud ของหัวเว่ยเข้ากับการดำเนินงานของโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ อาทิ โซลูชันการสื่อสารทางการแพทย์ผ่านระบบทางไกล 5G, ระบบ Home Isolation สำหรับการวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วยจากระยะไกล รวมถึงจำลองสถานการณ์การทำงานแบบเรียลไทม์ของรถพยาบาลระบบ 5G

อาเบล เติ้ง กล่าวว่า หัวเว่ยรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับกรมการแพทย์ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และโรงพยาบาลราชวิถี ภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพระบบการดูแลสุขภาพของไทยให้ดียิ่งขึ้น  บันทึกข้อตกลงนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกระทรวงสาธารณสุขในการยกระดับโรงพยาบาลให้เป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะในอนาคต

“ในยุคของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในวงการแพทย์ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนประเทศไทย ร่วมนำนวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะมาช่วยเสริมแกร่งระบบสาธารณสุขและการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เพื่อสร้างสรรค์บริการทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมผู้คนจำนวนมาก ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองและผู้คนที่อยู่ห่างไกลออกไป หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะสร้างสร้างโลกดิจิทัลที่เชื่อมโยงถึงกันและขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ”

หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นนำเสนอเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างระบบนิเวศการรักษาพยาบาลที่แข็งแกร่งและเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งจะมอบความสะดวกสบายและความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วย ผู้รับบริการ และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ทั้งยังช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพให้แก่บริการต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์