ทุกครั้งที่เครือข่ายโทรศัพ์มือถือมีการพัฒนายกระดับขึ้นไม่ว่าจะเป็นจาก 2G ก้าวสู่ 3G หรือ จาก 3G ขยับขึ้นเป็น 4G จะเห็นความตื่นตัวของทั้งเครือข่ายผู้ให้บริการ แบรนด์โทรศัพท์มือถือ และที่สำคัญคือตัวผู้บริโภคเอง ที่เตรียมใจรอคอยเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายที่รวดเร็วขึ้น
แต่การยกระดับจาก 4G เข้าสู่ 5G ในช่วงเวลานี้ กระแสตื่นตัวของผู้บริโภคกลับโดนกระแสของโรคระบาดโควิด-19 ตามด้วยสภาพเศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วง ส่งผลให้ความคึกคักในรอบนี้ไม่โดดเด่นเหมือนที่ผ่านๆมา
ชานนท์ จิรายุกุล ประธานกรรมการอาวุโสฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 3 แบรนด์ใหญ่ เอไอเอส ทรูมูฟเอช และดีแทค ต่างมีความพร้อมในการให้บริการ 5G โดยในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ เริ่มสามารถรับสัญญาณ 5Gได้แล้ว แสดงถึงความพร้อม เช่นเดียวกับแบรนด์สมาร์ทโฟน ที่เริ่มมีสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ได้บ้างแล้ว แต่ในส่วนของผู้บริโภคกลับยังไม่เห็นสัญญาณความตื่นตัวในการใช้ 5G มากเท่าไหร่
โดยหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ราคาสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G ที่ผ่านมา ยังอยู่เฉพาะในกลุ่มไฮเอนท์ที่มีราคาสูง 3-4 หมื่นบาท ซึ่งออปโป้ได้ปิดจุดอ่อนนนี้ด้วยการส่งสมาร์ทโฟน ออปโป้ รุ่นล่าสุดให้คนไทยทุกระดับได้สัมผัสประสบการณ์ไปกับสมาร์ทโฟน 5G ซีรีส์ที่เร็วกว่า แรงกว่า ด้วย 3 รุ่นใหม่ ครอบคลุมทุกระดับราคา ตั้งแต่สมาร์ทโฟนระดับกลางจนถึงระดับแฟล็กชิป
สมาร์ทโฟน 5G 3 รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ได้แก่ OPPO Reno4 Z 5G, OPPO Reno4 Pro 5G และ OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition เพื่อเดินเกมรุกลุยตลาด 5G ของไทยอย่างเต็มตัว ยกระดับประสบการณ์แห่งความเร็ว แรง เพื่อทุก ไลฟ์สไตล์ในยุค 5G ของคนไทยทุกคน
OPPO Reno4 Z 5G สมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดในระดับกลาง ราคาระดับหมื่นบาทต้นๆ ที่รองรับเทคโนโลยี 5G หน้าจอ 120Hz Silky Display ให้ภาพที่นุ่มนวล ลื่นไหล เต็มอิ่มยิ่งขึ้น รวมถึงมีดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามในดีไซน์ไล่เฉดสี เพรียวบางจับถนัดมือ โดดเด่นด้วยการจัดวางเลนส์ที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยกล้องทั้งหมด 6 ตัว โดยมีกล้องหน้าคู่ 16+2MP ถ่ายภาพบุคคลได้อย่างสวยงาม ละลายฉากหลังให้เบลอสวยแบบเป็นธรรมชาติ และกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัดและละเอียดมากยิ่งขึ้น สามารถเก็บภาพกว้างได้ถึง 119 องศา และสามารถถ่ายรูปได้สนุกกว่าเดิมด้วยฟิลเตอร์แบบวินเทจที่ถูกจำลองมาจากเอฟเฟกต์ของภาพฟิล์มอีกด้วย มีให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่ สีขาว Dew White และ สีดำ Ink Black
OPPO Reno4 Pro 5G สุดยอดสมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุด ในราคา 2 หมื่นกลางๆ มาพร้อมกล้องหลัง Triple Camera LDAF จะถ่ายวิดีโอหรือส่งวิดีโอก็สมูทลื่นไหลไม่มีสะดุด ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงสุด 48MP พร้อมเทคโนโลยี LDAF ช่วยให้การถ่ายภาพหรือถ่ายวิดีโอโฟกัสได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเปลี่ยนมุมภาพ ระยะทาง การเคลื่อนไหว หรือปัญหาแสง ก็ได้ภาพที่คมชัดทุกสถานการณ์ Ultra Night Wide-angle Video ที่สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงได้แม้ในที่แสงน้อย และได้มุมภาพที่กว้างกว่าที่เคย รวมถึงเทคโนโลยีชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้มากกว่า 60% ใน 15 นาที และชาร์จเต็มในเวลาเพียง 36 นาทีเท่านั้น หน่วยความจุขนาดใหญ่ RAM12GB + ROM256GB ในดีไซน์ตัวเครื่องที่เพรียวบาง รองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่เร็ว แรง และเสถียรกว่าด้วยระบบปฏิบัติการ Qualcomm Snapdragon 765G มาใน 2 สี ได้แก่ สีฟ้า Galactic Blue และสีดำ Space Black
OPPO Find X2 Pro Green Vegan Leather Edition สีใหม่ ในราคา 40,990 บาท สมาร์ทโฟน 5G ระดับแฟล็กชิปที่เร็ว แรงที่สุด ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หลังการเปิดตัวเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ครั้งนี้ OPPO Find X2 Pro 5G มาในสีใหม่สีเขียว Green Vegan Leather Edition ที่ทำมาจากหนังไมโครไฟเบอร์ ให้ผิวสัมผัสพรีเมียมและอ่อนนุ่ม โดยผ่านขั้นตอนการผลิตที่มีการควบคุมคุณภาพสูง ทำให้สามารถกันน้ำ น้ำมัน ทนต่อความชื้น การสึกหรอ และการฉีกขาดทั่วไปได้ ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 ที่แรงเร็วรองรับเครือข่าย 5G แบบ Dual-Mode RAM 12GB ROM 512GB พร้อมด้วย 65W SuperVOOC 2.0 ชาร์จได้เร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุด
หน้าจอแสดงผลระดับ 120Hz QHD+ Ultra Vision Screen เห็นสีสันจากหน้าจอได้อย่างเสมือนจริงมากที่สุดด้วยการนำประสิทธิภาพการแสดงผลระดับ True Billion Color Display (10-bit Color Display) หรือหน้าจอที่สามารถประมวลสีได้ถึงหนึ่งพันล้านสี พร้อมด้วยกล้องประสิทธิภาพสูงกับ Ultra Vision Camera System ประกอบด้วยกล้อง 3 ตัวความละเอียดสูงสุด 48MP บนเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ Sony IMX689
ชานนท์ กล่าวว่า การวางตลาดสมาร์ทโฟนออปโป้ 5G 3 รุ่นใหม่นี้ ไม่ได้วางเป้าหมายยอดขาย เพราะนอกเหนือจากปัจจัยโรคระบาดที่ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าจะจบเมื่อไร อีกทั้งสถานการณ์ทางการเมือง ก็ยังน่าเป็นห่วง และยังมีอีกปัจจัยที่จะมาสนับสนุนให้ยอดขายสมาร์ทโฟน 5G เติบโตได้เร็วหรือไม่ คือ การตั้งราคาแพ็กเกจ 5G ของบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายที่หากมีการตั้งราคาที่สูงใกล้พันบาทหรือกว่าพันบาท ก็จะทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่เข้าถึงได้ยาก แต่หากสามารถกำหนดราคาแพ็กเกจอยู่ในระดับ 300-400 บาทได้ ก็จะทำให้ตลาด 5G ในส่วนของผู้บริโภคคึกคักขึ้นได้ และคาดว่าในปีหน้าก็จะเห็นสมาร์ทโฟน 5G ในราคาต่ำกว่าหมื่นบาทออกวางจำหน่ายแน่นอน
โดยในปีหน้า ออปโป้ก็จะมีสมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ๆ เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างต่อเนื่ง และเชื่อมั่นว่าจะทำให้ออปโป้ครองตำแหน่งผู้นำในตลาดสมาร์ทโฟน 5G ในเมืองไทย ที่มีสมาร์ทโฟน 5G รองรับตลาดครอบคลุมที่เซ็กเมนต์ได้
ชานนท์ กล่าวถึงตลาดสมาร์ทโฟนในช่วงครึ่งปีแรกว่า ปัจจุบันสมาร์ทโฟนถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของผู้คน แม้ยอดขาขายในช่วงครึ่งปีแรกจะตกลงไปจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 20% ก็ถือว่าไม่มาก เพราะหากมองสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำแม้ไม่มีวิกฤตโควิด-19 ตลาดก็น่าจะตกลงอยู่แล้ว ซึ่งตลอดทั้งปีหากตกลงเฉลี่ย 20% ก็ไม่น่าเป็นห่วง หากเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น ท่องเที่ยว หรือสายการบิน แต่ก็เชื่อมั่นว่าในปีหน้าสมาร์ทโฟน 5G ก็จะมาทำให้ตลาดเติบโตได้