MSIG ปรับแผนหลังโควิดทำธุรกิจสะเทือน เปิดตลาดประกันสุขภาพ ประเดิม “ประกันภัยโรคสุดฮิต”

1516

ผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อธุรกิจที่รุนแรงที่สุดน่าจะเป็นธุรกิจการเดินทางท่องเที่ยว ผู้ประกอบโดยตรงอย่าง  โรงแรม ร้านอาหาร จนถึงสายการบิน มีล้มละลาย เลิกกิจการ ขายกิจการให้เห็นกันถ้วนหน้า  และยังสะเทือนมาถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอย่าง ธุรกิจประกันภัย  โดยเฉพาะบริษัทผู้นำในตลาดการประกันการเดินทาง เอ็ม เอส ไอจี ประกันภัย ซึ่งปีที่ผ่านมาเคยกวาดเบี้ยประกันการเดินทางได้ถึง 300 ล้านบาท แต่ปีนี้ดูเหมือนคงทำไม่ได้เท่าเดิม 

            สุรชัย รัถยาวิศิษฏ์ ผู้จัดการใหญ่ สายงานรับประกัน บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  ยอมรับว่า ธุรกิจประกันภัยในปีนี้คงอยู่ในสภาพติดลบแน่นอนในระดับ  -5 ถึง -8% และเอ็ม เอส ไอ จีเองก็คงทำไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้  แต่อย่างไรก็ตาม  บริษัทฯยังมองเห็นโอกาสจากแนวโน้มตลาดประกันภัยสุขภาพเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เนื่องจากคนไทยเริ่มใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับค่ารักษาพยาบาลที่ปรับสูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องการตัวช่วยเพื่อบริหารความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งประกันภัยสุขภาพถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุม ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค ในช่วงครึ่งปีหลัง เอ็ม เอส ไอ จี จึงรุกตลาดประกันสุขภาพ เพื่อขยายฐานลูกค้า กับประกันโรคสุดฮิต ถ้าเจ็บป่วย รายได้ยังมี ค่ารักษายังได้

“ตลาดประกันภัยสุขภาพในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างดี จึงทำให้เป็นที่มาของแนวคิดในการพัฒนาสินค้าใหม่ ประกันภัยโรคสุดฮิตที่มี 2 แผนความคุ้มครองให้เลือก คือ แผนฮอตฮิต และแผนฮิตไม่เลิก มุ่งคุ้มครองโรคที่เกิดขึ้นได้ในฤดูต่างๆ ของประเทศไทย เช่น โรคไข้เลือดออก ที่มีอัตราผู้ติดโรคสูงถึงปีละ 140,000 คน  ขณะที่ไข้หวัดใหญ่ มีผู้ติดเชื้อปีที่ผ่านมา 2.7 แสนราย และในปีนี้ก็มีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1 แสนราย”

โดยแผนฮอตฮิต เป็นแผนที่ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล กรณีผู้ป่วยใน (IPD) จากโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้เลือดออกสูงสุด 50,000 บาท ผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาลเฉพาะโรค กรณีผู้ป่ายนอก (OPD) สูงสุด 1,000 บาท (คุ้มครองสูงสุด 3 ครั้งต่อปี) พร้อมทั้งรับเงินชดเชยรายวันระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลสูงสุด 30 วัน โดยแผนนี้เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 419 บาท”

ขณะที่ แผนฮิตไม่เลิก มีจุดเด่นให้ความคุ้มครองเลือกได้ 3,4 หรือ 8 โรคฮิตที่มากับฤดูกาล หรือโรคที่มักเจ็บป่วยบ่อย ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน อาหารเป็นพิษ ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน โรคมือเท้าปากเปื่อย ไข้สุกใส โรคฉี่หนู และโรคไทฟอยด์หรือไข้รากสากน้อย พร้อมมีค่าชดเชยรายได้สูงสุด 30 วันจากการรักษาเมื่อเป็นผู้ป่วยใน รวมถึงให้ความคุ้มครองผลประโยชน์จากการเสียชีวิต 50,000 บาท

สุรชัย กล่าวอีกว่า ประกันภัยโรคสุดฮิต มีจุดเด่นที่เบี้ยประกันภัยมีราคาถูกสบายกระเป๋า เริ่มต้นเพียงหลักร้อย  และทุกวัยสามารถซื้อได้ในราคาเดียว ซึ่งทั้ง 2 แผนมีความคุ้มครองที่มีจุดเด่นแตกต่างกัน ตามความต้องการของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นเงินชดเชยรายได้ หรือความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยเบี้ยฯ เริ่มต้นที่ 299 บาท โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ ผู้สนใจสามารถซื้อออนไลน์ได้ที่ www.msig-thai.com  หรือติดต่อตัวแทนนายหน้าเอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัยทั่วประเทศ

โดยประกันภัยโรคสุดฮิตนี้ มุ่งเจาะกลุ่มเด็กอายุ 15 ปีลงไป เพราะมีโอกาสเป็นโรคเหล่านี้สูงกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งเงินจากความคุ้มครองนี้แม้ไม่สามารถจ่ายเป็นค่ารักษาได้ทั้งหมด แต่ก็ช่วยลดภาระได้ในระดับหนึ่ง ด้วยราคาเบี้ยประกันที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นปีละ 299 บาท สูงสุด 699 บาท สุรชัยคาดว่า จนถึงสิ้นปีนี้น่าจะทำเป้ายอดขายได้ถึง 1 หมื่นกรมธรรม์ คิดเป็นมูลค่าราว 4 ล้านบาท

“ประกันโรคสุดฮิตนี้ ถือเป็นการเปิดตัวประกันสุขภาพของ เอ็ม เอส ไอ จี ที่เมื่อลูกค้าประทับใจ ก็จะต่อยอดออกกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบเต็มรูปแบบตามมา เพราะเชื่อว่า ประกันการเดินทางที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท คงไม่สามารถกลับมาได้ในปีนี้ และประกันสุขภาพก็น่าจะช่วยให้เป้าหมายของเอ็ม เอส ไอ จี ในปีนี้ติดลบไม่ถึงสองหลัก”  สุรชัย กล่าว