เพาเวอร์บาย X บีทูเอส รวมกันเราอยู่ แยกกันเราเหนื่อย

1499

คงเป็นปีที่เหนื่อยยากที่สุดของมือบริหารธุรกิจทุกคน ที่ยังสู้รบปรบมือกับการรุกรานของโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนไม่เสร็จ ต้องมาเจอกับด่านโควิด-19 มหากาฬ ที่ทำเอาธุรกิจพังพาบ

บทบาทหนักในเวลานี้คือการกู้วิกฤตให้องค์กรกลับมายืนได้ใหม่  ทุกกลยุทธ์ที่มีอยู่ในมือต้องนำออกมาใช้ และสำหรับ การร่วมมือกันระหว่างแบรนด์กับแบรนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้กันมากขึ้น และยิ่งแบรนด์นั้น เป็นแบรนด์ที่อยู่ภายใต้บริษัทแม่เดียวกัน  ก็ยิ่งควรผนวกกันเพื่อช่วยกันดึงดูดลูกค้า

เพาเวอร์บาย และบีทูเอส  2 ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกจาก 2 กลุ่ม  หนึ่งคือผู้นำในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่อีกหนึ่งคือผู้นำในกลุ่มอุปกรณ์เครื่องเขียน ที่อยู่ภายใต้ชายคากลุ่มเซ็นทรัล ก็เดินเกมกลยุทธ์นี้  ด้วยการทุ่มทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ผนึกรวมร้านเพาเวอร์บาย และบีทูเอส ที่อยู่ติดกันบนศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์  ชั้น 4 ให้เป็น “เพาเวอร์บาย x บีทูเอส”   One-stop destination แฟลกชิพสโตร์สุดล้ำ  บนพื้นที่กว่า 6,000 ตารางเมตร ศูนย์รวมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และหนังสือ อุปกรณ์เครื่องเขียนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยรวมกว่า 50,000 รายการ เพื่อเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับทุกไลฟ์สไตล์

โลร็องต์ โปซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอเเอล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การผนึกรวมระหว่างเพาเวอร์บาย และบีทูเอส ครั้งนี้ ก็เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า ด้วยการนำความแข็งแกร่งเชี่ยวชาญระหว่างสองบริษัทชั้นนำ ทั้งเพาเวอร์บายและบีทูเอส ส่งมอบประสบการณ์ ที่สมบูรณ์แบบให้แก่ลูกค้าทุกมิติ ทั้งด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์เบ็ดเตล็ด หนังสือ เครื่องเขียน ศิลปะ ฯลฯ ให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับการซื้อสินค้าที่หลากหลายพร้อมพบกับหมวดหมู่สินค้าใหม่ เช่น หนังสือการ์ตูน อุปกรณ์ Smart Home แกดเจ็ตและอื่น ๆ เต็มอิ่มกับโซนแสดงสินค้าสุดล้ำ พร้อมการสาธิตและกิจกรรมพิเศษตอบทุกไลฟ์สไตล์ โดยมีทีมงานคอยให้คำแนะนำและการบริการอย่างมืออาชีพ

“การผนึกพาวเวอร์บายเข้ากับบีทูเอสในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการตลาดในปีนี้ ที่จะเน้นการทำตลาดแบบบูรณาการช่องทางออนไลน์และออฟไลน์เข้าไป เป็น Omnichannel ด้วยการเพิ่มการรุกช่องทางออนไลน์เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น และดึงกลุ่มเป้าหมายจากโลกออนไลน์ มาสู่โลกออฟไลน์ โดยใช้โมเดลใหม่อย่าง เพาเวอร์บาย x บีทูเอส สร้างประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์”  โลร็องต์ โปซ กล่าว

เพาเวอร์บาย x บีทูเอส ประกอบด้วย 12 โซนที่ครอบคลุมทุกคามต้องการ  ประกอบด้วย   Vision & Sound Gallery  เครื่องเสียงและทีวี Gadget Paradise สวรรค์ของคนรักแกดเจ็ต Wireless World โซนเชื่อมต่อโลกกว้าง Cooking Studio สตูดิโอสำหรับคนรักการทำอาหาร Smart Home Living เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบทุกความต้องการ AirZone โซนอากาศบริสุทธิ์ ที่ควรมีติดบ้าน Gaming Arena ศูนย์รวมอุปกรณ์เพื่อคอมพิวเตอร์เกมทุกรูปแบบ Computers โซนคอมพิวเตอร์ที่รวบรวมไว้ครบครัน  Creative Leisure พื้นที่สำหรับงานศิลปะ  Plearnground (Play &Learn) พื้นที่การเรียนรู้คู่ความสนุกของคุณหนูๆ  Passion Library โซนหนังสือที่คัดสรรมาให้เลือกครบทุกหมวด  Stationery Gallary แกลเลอรี่เครื่องเขียนหลากหลายดีไซน์จากทั่วทุกมุมโลก

นอกจากนี้ เพาเวอร์บาย x บีทูเอส เซ็นทรัลเวิลด์ ยังเปิดพื้นที่คอมมูนิตี้คอนเนค Passion’s Companion พื้นที่กิจกรรมร่วมกับพันธมิตรชื่อดัง จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปสร้างความสัมพันธ์และประสบการณ์ที่ดีให้กับครอบครัว อาทิ บอร์ดเกม เล่านิทาน เสวนาหนังสือดัง มินิคอนเสิร์ต สอนทำอาหาร  อี-สปอร์ต ฯลฯ

ในด้านการบริการ เพาเวอร์บาย x บีทูเอส ยังมอบประสบการณ์พิเศษ “Click & Collect” สั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ (www.powerbuy.co.th) สามารถรับสินค้าที่ร้านได้ภายใน 1 ชม. รวมถึง e-Ordering และ Chat & Shop ด้วยข้อมูลสินค้าที่ครบครันบนช่องทางออนไลน์   พร้อมพัฒนา Line Official ที่พัฒนาขึ้นเป็นช่องทางสำหรับลูกค้าในการติดต่อกับทีมงาน พร้อมอัพเดทกิจกรรมของแฟลกชิพสโตร์ ไอเท็มมาใหม่ และการสาธิตนวัตกรรมต่างๆ

“เราเชื่อมั่นว่า ‘เพาเวอร์บาย x บีทูเอส แฟลกชิพสโตร์’ จะสามารถเติมเต็มประสบการณ์การช้อปปิ้งและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งในด้านสินค้าและการบริการ ทำให้ลูกค้าได้รับความสะดวกในการซื้อสินค้าจากช่องทางที่หลากหลาย และจะเพิ่มยอดขายให้เติบโตขึ้น 20-30%  ” โลร็องต์กล่าวสรุป