JP เผยปี 62 เบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโต 100% พร้อมเดินกลยุทธ์ Synergy ชู 3 มุมมอง สร้างโอกาสในยุคดิสรัปชั่น

486

“เจพี ประกันภัย” เดินกลยุทธ์ความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน (Synergy) กับพันธมิตรเพื่อต่อยอดธุรกิจ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ลูกค้า พร้อมกางแผนจัดพอร์ตประกันภัยรถยนต์และประกันภัยที่ไม่ใช่รถใน 3 ปีข้างหน้า ในสัดส่วน 50:50 เปิด 3 มุมมองสร้างโอกาสให้ธุรกิจในยุคดิสรัปชั่น ตอบสนองแก้ปัญหาลูกค้าตรงจุด เผยปี 2562 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตถึง 100% จากปี 2561 มั่นใจเบี้ยประกันภัยรับรวมจะเติบโต 15% ต่อปี โชว์ฐานะการเงินแแข็งแกร่ง สินทรัพย์รวม 664 ล้านบาท โดยมีกลุ่มเจมาร์ทถือหุ้นใหญ่ 55%

ดร.ฉัตรชัย ธนาฤดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจพี ประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ JP ซึ่งเป็นบริษัทประกันในเครือเจมาร์ท เปิดเผยว่า ในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ยังคงต้องการการเติบโตจากทั้ง 2 ธุรกิจคือ ธุรกิจประกันภัยรถยนต์ (มอเตอร์) และธุรกิจประกันภัยที่ไม่ใช่รถ (Non-Motor) โดยเน้นการเติบโตทางด้านกำไรเป็นหลัก ซึ่งมีแผนจะจัดสัดส่วนการรับประกันภัยให้มีความสมดุลกันระหว่างประกันภัยรถยนต์และประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ ในสัดส่วน 70:30 ในปีนี้ และจะปรับสัดส่วนเป็น 50:50 ในอีก 3 ปีข้างหน้า (2563-2565)

ขณะที่สภาพเศรษฐกิจของไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แต่กลุ่มยานยนต์สมัยใหม่ กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ กลุ่มธุรกิจหุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม และกลุ่มธุรกิจดิจิทัล ยังคงเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็น S-Curve ที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ บริษัทฯ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อสนับสนุนและแก้ปัญหาให้กับกลุ่มธุรกิจนี้เป็นหลัก

“เรามองถึงความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน (Synergy) ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ลูกค้า อาทิ แคมเปญ Jaymart wecare ช่วงวันวาเลนไทน์ ที่มีผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้าร่วมอยู่ในแคมเปญตามคอนเซ็ปต์ “ดูแลเครื่อง ดูแลคุณ” ได้แก่ ประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ประกันภัยความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์ รวมทั้งมีการจัดรายการส่งเสริมการขายประกันภัยร่วมกับเจมาร์ท อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ให้กับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าที่ร้านเจมาร์ท ทำให้นอกจากจะดูแลเครื่อง (โทรศัพท์) ดูแลลูกค้าแล้ว ยังดูแลไปถึงความปลอดภัยในทรัพย์สินของลูกค้าของเจมาร์ทอีกด้วย ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยและทำตลาดให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบันผ่านช่องทางกลุ่มบริษัทต่างๆ ในเครือเจมาร์ท (synergy ecosystem) จะเป็นทิศทางที่สำคัญของ เจพี ประกันภัย”

ขณะเดียวกัน JP มองว่ายุคดิสรัปชั่นเป็นความท้าทายของบริษัทฯ ที่จะไม่ให้ถูกกลืนไปกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยบริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมในการสร้างโอกาสทางธุรกิจในยุคดิสรัปชั่น โฟกัสผ่าน 3 มุมมองหลัก ประกอบด้วย

มุมมองที่ 1 การเปลี่ยนแปลงรูปแบบและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ (Business Model & Strategy Transformation) คือต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการบริหารงานและรูปแบบของการทำธุรกิจ เช่น กล้าที่จะออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบธุรกิจหรือช่องทางการขายเดิมๆ

มุมมองที่ 2 ด้านทักษะของคนในองค์กร ในยุคดิสรัปชั่น คนในองค์กรต้องมีทักษะการทำงานหลายๆ ด้าน (Multi-Skills) โดยเฉพาะทักษะทางด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี รวมถึงต้องมีความกล้าที่จะใช้ดาต้า (Data) ในการขับเคลื่อนองค์กร นำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้เข้าใจความต้องการและทราบถึงปัญหาของลูกค้าอย่างแท้จริง เหมือนการเข้าไปนั่งในใจลูกค้า

มุมมองที่ 3 กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานทั้งภายในองค์กร และกระบวนการทำงานที่ต่อเนื่องกับคู่ค้าและพันธมิตรภายนอก

“จากมุมมองทั้ง 3 ด้านนั้น บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบาย พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อให้ตอบสนองและแก้ปัญหาอุปสรรค (Pain points) ให้กับลูกค้าได้อย่างตรงใจ โดยในปีนี้จะยังคงตอกย้ำมุมมองทั้ง 3 ด้านให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น” ดร.ฉัตรชัย กล่าวสำหรับเป้าหมายในปีนี้ คาดว่าจะมีอัตราเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตขึ้น 15% จากปีก่อน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตด้านกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวมเติบโตถึง 100% จากปี 2561 ซึ่งเป็นผลจากการโฟกัสผลกำไรของแต่ละเดือนมาโดยตลอด และเห็นได้ว่าบางเดือนเริ่มกลับมามีกำไรบ้างแล้ว จึงถือได้ว่าเป็นสัญญาณที่ดี

ในส่วนของประกาศการลงทุนฉบับใหม่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ซึ่งมีนโยบายในการขยายเพดานการลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ดร.ฉัตรชัย มองว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชั่น และยังเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทฯ ที่จะมองหาการลงทุนในด้านอินชัวร์เทค (InsurTech) เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบัน บริษัทฯ วางตำแหน่งและกำลังทรานส์ฟอร์มบริษัทไปในทิศทางอินชัวร์เทคอยู่แล้ว จึงมองว่าประกาศการลงทุนฉบับใหม่จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพทางด้านการลงทุนของบริษัทฯ ได้เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

“ปัจจุบัน เจพี ประกันภัย มีสินทรัพย์อยู่ที่ 664 ล้านบาท หากเทียบกับปีที่ผ่านมา มีสินทรัพย์โตขึ้นในอัตราร้อยละ 14 โดยมีกลุ่มเจมาร์ทเข้ามาร่วมทุนในสัดส่วนการถือหุ้นมากที่สุด 55% ถือเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินของบริษัทฯ ให้มีศักยภาพและความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น