TKK ชูศักยภาพ “No.1 F.A. Solutions Provider เมืองไทย” นำโนว์ฮาวพาโรงงาน SME ไทย ก้าวสู่ยุค 4.0

27837

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ประมาณการอัตราการขยายตัวของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2561 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 1.5-2.5 โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงขับเคลื่อนในการลงทุนภาครัฐ และการดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)

ผ่านพ้นครึ่งปีแรก ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 3.85 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่ MPI ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.46 สร้างความคึกคักให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยในปีนี้ ที่มีการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกมากกว่าการคาดการณ์ตลอดปีถึงเกือบเท่าตัว

ข้อมูลจากศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ได้ทำการสำรวจผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเมื่อต้นปีนี้ ถึงแผนรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งประเด็นที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญที่สุดร้อยละ 41.09 คือ ‘การปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต’

และ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำอันดับ 1 ด้าน Factory Automation Provider ของเมืองไทย  คือผู้ที่นำเสนอสินค้าบริการที่จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปรับปรุงกระบวนการผลิตของโรงงานเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมไทยสู่ยุค Industry 4.0

จากจุดเริ่มต้นบริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่นที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จากคู่สามี-ภรรยา นายนิวัตน์
คงสมจิตร และนางกัลยาณี คงสมจิตร ที่มีประสบการณ์ในบริษัทเทรดดิ้งระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ที่จำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องจักรอุตสาหกรรมมากว่า 10 ปี พบปัญหาว่าลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมจะซื้อชิ้นส่วนหรืออะไหล่เครื่องจักรในแต่ละครั้ง จะต้องทำการเปรียบเทียบราคาโดยสำรวจผู้แทนจำหน่ายถึง 4-5 รายก่อนตัดสินใจซื้อ และบางครั้งต้องใช้เวลานานกว่าชิ้นส่วนที่สั่งซื้อจะส่งถึงโรงงาน ทำให้กระบวนการผลิตของโรงงานบางแห่งต้องหยุดชะงัก สร้างความเสียหายให้แก่การดำเนินธุรกิจ

ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จึงตั้งขึ้นเพื่อแก้ Pain Point เหล่านี้ โดยวางเป้าหมายจะเป็นบริษัทฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการด้านโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งการหาชิ้นส่วนหรืออะไหล่ในราคายุติธรรม และสามารถส่งให้ถึงมือในเวลารวดเร็ว โดยตลอดระยะเวลากว่า 14 ปี ที่เริ่มจากการทำธุรกิจซื้อมา-ขายไป ในสินค้าแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ขยายสู่สินค้าจากหลากหลายประเทศ ทั้งเกาหลีใต้, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และฝรั่งเศส รวมวันนี้กว่า 2,000 แบรนด์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับ 40 แบรนด์ระดับโลก รวมมีสินค้ามากกว่า 1 แสนรายการ

นิวัตน์ คงสมจิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น มีการเติบโตขึ้นจากการทำธุรกิจ จากการเข้าใจปัญหาและสามารถนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ปัญหาของโรงงานอุตสาหกรรมได้ตรงจุด และการบริการที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้า จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของแบรนด์สินค้าอุตสาหกรรมระดับโลก แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น เช่น ระบบ Robotic ให้กับ Yamaha และ Yaskawa ผู้ผลิตหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบ Flow System ให้กับ Graco จากอเมริกา แบรนด์ระบบปั๊มอันดับ 1 ของโลก และ ระบบ Saving Energy ให้กับ Toyo Denki เป็นต้น

“เรามีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมายาวนาน มีความเข้าใจในปัญหาและความต้องการของลูกค้า เราจึงนำเสนอสินค้าและบริการแบบ One Stop Shopping  ที่ช่วยลูกค้าประหยัดเวลา ประหยัดเงิน ลดความเสี่ยง  และได้รับทำธุรกิจร่วมกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ทำให้เราได้รับการถ่ายทอดโนว์ฮาว เทคโนโลยี ความรู้ต่าง ๆ ที่ดีและสามารถต่อยอดสู่การให้บริการด้านการวางแผนและให้คำปรึกษาการก่อสร้างโรงงานทั้งระบบ (System Integrator)” นิวัตน์กล่าว

ปัจจุบัน ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ประกอบด้วย Business Unit 3 ส่วน ได้แก่

BU 1 Factory Automation Part การจัดหาและจำหน่ายชิ้นส่วน อะไหล่ เครื่องจักร มีสัดส่วนรายได้ 70%

BU 2 Agent Brand เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลก มีสัดส่วนรายได้ 25%

BU 3 System Integrator บริการด้านการวางแผน พัฒนาเครื่องจักร ติดตั้ง ซ่อมแซม ให้คำปรึกษา และก่อสร้างโรงงาน มีสัดส่วนรายได้ 5%

ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ และสำนักงานสาขาอีก  4 แห่ง ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นทั้งสำนักงานขายและศูนย์เก็บและกระจายสินค้า, จังหวัดลำพูน, จังหวัดระยอง และ จังหวัดนครราชสีมา ที่เตรียมจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ภายในปีนี้ นอกจากนั้นยังมีศูนย์เก็บสินค้าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และ Co Warehouse ที่สิงคโปร์

นอกจากนี้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ยังเปิด ศูนย์ฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรม (Industrial Centre for Training and Technology Transfer) –ICTT เพื่อเป็นหน่วยงานในการให้ความรู้ ถ่ายทอดโนว์ฮาวให้กับลูกค้า และผู้ประกอบการโรงงานทั่วไป  โดยมีการให้บริการใน 3 ส่วนสำคัญ คือ

  1. IndTech (Industry Technology Forum) งานสัมมนาและแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรม ที่จะจัดขึ้นปีละ 2-3 ครั้ง โดยเป็นการให้ความรู้ในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม
  2. ICTT Academic Center ศูนย์เทรนนิ่งและฝึกอบรมด้าน Factory Automation โดยมีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ทั้งที่สำนักงาน หรือสาขาของทีเคเค คอร์ปอเรชั่น และสำนักงานของลูกค้า
  3. Technical Service ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้าน Factory Automation ให้บริการคำปรึกษากับลูกค้า รวมถึงการให้บริการติดตั้ง และซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงาน

กัลยาณี คงสมจิตร รองประธานกรรมการ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด  กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของทีเคเค คอร์ปอเรชั่นนั้น ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ หรือ Supply Chain Management โดยใช้ทำเลที่ตั้งของสำนักงานทั้ง 4 แห่ง ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทำหน้าที่กระจายสินค้า เชื่อมโยงด้วยระบบออนไลน์ ทำให้เมื่อรับออเดอร์จากลูกค้า ก็สามารถเช็คสต็อกสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังศูนย์เก็บสินค้าทุกแห่ง และดำเนินการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ช่วยลดความเสียหายให้กับโรงงานลูกค้า

ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วนี้ ทำให้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ได้รับความไว้วางใจจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ทั้งค่ายผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่อย่าง โตโยต้า, ไทยฮอนด้า, นิสสัน, มาสด้า, ฮีโน่มอเตอร์ ฯลฯ กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานผู้ผลิตยาง เช่น  Yokohama, Maxxis, Sumitomo, Dunlop, Bridgestone  กลุ่มโรงงานผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Daikin, Toshiba, Hitachi, Haier, Samsung, LG รวมถึงโรงงานแบรนด์ชั้นนำ SCG,  Nippon Steel, Summit Group , Unicharm และ Hoya เป็นต้น

กัลยาณี กล่าวต่อว่า วันนี้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้าน Factory Automation Provider ของเมืองไทย โดยมีสินค้าที่มีความหลากหลายสามารถให้บริการลูกค้าจากโรงงานได้เกือบทุกโรงงานในประเทศ ประกอบกับการเปิด BU System Integrator ที่ให้บริการด้าน Solution กับโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทฯ จึงวางเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจจากความแข็งแกร่งในกลุ่มโรงงานขนาดใหญ่ไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการที่มีโรงงานขนาดกลาง หรือกลุ่มผู้ประกอบการ SME ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น

“ด้วยจุดแข็งของเราที่มีสินค้าที่มีความหลากหลาย คาดหวังที่จะให้บริการกับกลุ่ม SME ของไทยเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ลูกค้า เนื่องจากเราเห็นถึงความลำบากของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ที่ขาดความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโรงงาน เมื่อมีปัญหาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เราจึงพร้อมเข้าไปช่วยเหลือ ให้ความรู้ ให้การศึกษา โดยมีลูกค้าเป้าหมายได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์, อาหาร, บริการด้านสุขภาพ และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรส่งให้กับโรงงาน โดยได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงงานผู้ผลิตเครื่องจักรขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเราสามารถเข้าไปช่วยเหลือด้านการส่งชิ้นส่วนเครื่องจักร รวมไปถึงช่วยในการออกแบบ ทำให้เขาเห็นภาพมากขึ้น”

กัลยาณี กล่าวว่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค Thailand 4.0 แต่วันนี้โรงงานในเมืองไทยรายกลางรายเล็ก หรือ SME ยังไม่มีการปรับตัวหรือปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่มากพอ ดังนั้น ทีเคเค คอร์ปอเรชั่นจะเข้าไปเป็นฟันเฟืองในการสนับสนุนให้โรงงานไทยปรับตัวและก้าวเดินต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง