เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ประมาณการอัตราการขยายตัวของดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ปี 2561 จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 1.5-2.5 โดยมีปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวในเกณฑ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยแรงขับเคลื่อนในการลงทุนภาครัฐ และการดำเนินโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
ผ่านพ้นครึ่งปีแรก ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ 3.85 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 ที่ MPI ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.46 สร้างความคึกคักให้กับภาคอุตสาหกรรมไทยในปีนี้ ที่มีการเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกมากกว่าการคาดการณ์ตลอดปีถึงเกือบเท่าตัว
ข้อมูลจากศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่ได้ทำการสำรวจผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมเมื่อต้นปีนี้ ถึงแผนรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งประเด็นที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญที่สุดร้อยละ 41.09 คือ ‘การปรับปรุงเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต’
และ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำอันดับ 1 ด้าน Factory Automation Provider ของเมืองไทย คือผู้ที่นำเสนอสินค้าบริการที่จะเข้ามาช่วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปรับปรุงกระบวนการผลิตของโรงงานเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิต โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมไทยสู่ยุค Industry 4.0
จากจุดเริ่มต้นบริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่นที่เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 จากคู่สามี-ภรรยา นายนิวัตน์
คงสมจิตร และนางกัลยาณี คงสมจิตร ที่มีประสบการณ์ในบริษัทเทรดดิ้งระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น ที่จำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องจักรอุตสาหกรรมมากว่า 10 ปี พบปัญหาว่าลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมจะซื้อชิ้นส่วนหรืออะไหล่เครื่องจักรในแต่ละครั้ง จะต้องทำการเปรียบเทียบราคาโดยสำรวจผู้แทนจำหน่ายถึง 4-5 รายก่อนตัดสินใจซื้อ และบางครั้งต้องใช้เวลานานกว่าชิ้นส่วนที่สั่งซื้อจะส่งถึงโรงงาน ทำให้กระบวนการผลิตของโรงงานบางแห่งต้องหยุดชะงัก สร้างความเสียหายให้แก่การดำเนินธุรกิจ
ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จึงตั้งขึ้นเพื่อแก้ Pain Point เหล่านี้ โดยวางเป้าหมายจะเป็นบริษัทฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการด้านโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งการหาชิ้นส่วนหรืออะไหล่ในราคายุติธรรม และสามารถส่งให้ถึงมือในเวลารวดเร็ว โดยตลอดระยะเวลากว่า 14 ปี ที่เริ่มจากการทำธุรกิจซื้อมา-ขายไป ในสินค้าแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ขยายสู่สินค้าจากหลากหลายประเทศ ทั้งเกาหลีใต้, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และฝรั่งเศส รวมวันนี้กว่า 2,000 แบรนด์ และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับ 40 แบรนด์ระดับโลก รวมมีสินค้ามากกว่า 1 แสนรายการ
นิวัตน์ คงสมจิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น มีการเติบโตขึ้นจากการทำธุรกิจ จากการเข้าใจปัญหาและสามารถนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ปัญหาของโรงงานอุตสาหกรรมได้ตรงจุด และการบริการที่เข้าถึงความต้องการของลูกค้า จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของแบรนด์สินค้าอุตสาหกรรมระดับโลก แต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น เช่น ระบบ Robotic ให้กับ Yamaha และ Yaskawa ผู้ผลิตหุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรม ระบบ Flow System ให้กับ Graco จากอเมริกา แบรนด์ระบบปั๊มอันดับ 1 ของโลก และ ระบบ Saving Energy ให้กับ Toyo Denki เป็นต้น
“เรามีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมายาวนาน มีความเข้าใจในปัญหาและความต้องการของลูกค้า เราจึงนำเสนอสินค้าและบริการแบบ One Stop Shopping ที่ช่วยลูกค้าประหยัดเวลา ประหยัดเงิน ลดความเสี่ยง และได้รับทำธุรกิจร่วมกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ทำให้เราได้รับการถ่ายทอดโนว์ฮาว เทคโนโลยี ความรู้ต่าง ๆ ที่ดีและสามารถต่อยอดสู่การให้บริการด้านการวางแผนและให้คำปรึกษาการก่อสร้างโรงงานทั้งระบบ (System Integrator)” นิวัตน์กล่าว
ปัจจุบัน ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ประกอบด้วย Business Unit 3 ส่วน ได้แก่
BU 1 Factory Automation Part การจัดหาและจำหน่ายชิ้นส่วน อะไหล่ เครื่องจักร มีสัดส่วนรายได้ 70%
BU 2 Agent Brand เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลก มีสัดส่วนรายได้ 25%
BU 3 System Integrator บริการด้านการวางแผน พัฒนาเครื่องจักร ติดตั้ง ซ่อมแซม ให้คำปรึกษา และก่อสร้างโรงงาน มีสัดส่วนรายได้ 5%
ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ และสำนักงานสาขาอีก 4 แห่ง ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นทั้งสำนักงานขายและศูนย์เก็บและกระจายสินค้า, จังหวัดลำพูน, จังหวัดระยอง และ จังหวัดนครราชสีมา ที่เตรียมจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ภายในปีนี้ นอกจากนั้นยังมีศูนย์เก็บสินค้าอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น และ Co Warehouse ที่สิงคโปร์
นอกจากนี้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ยังเปิด ศูนย์ฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรม (Industrial Centre for Training and Technology Transfer) –ICTT เพื่อเป็นหน่วยงานในการให้ความรู้ ถ่ายทอดโนว์ฮาวให้กับลูกค้า และผู้ประกอบการโรงงานทั่วไป โดยมีการให้บริการใน 3 ส่วนสำคัญ คือ
- IndTech (Industry Technology Forum) งานสัมมนาและแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรม ที่จะจัดขึ้นปีละ 2-3 ครั้ง โดยเป็นการให้ความรู้ในผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม
- ICTT Academic Center ศูนย์เทรนนิ่งและฝึกอบรมด้าน Factory Automation โดยมีการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ทั้งที่สำนักงาน หรือสาขาของทีเคเค คอร์ปอเรชั่น และสำนักงานของลูกค้า
- Technical Service ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้าน Factory Automation ให้บริการคำปรึกษากับลูกค้า รวมถึงการให้บริการติดตั้ง และซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงาน
กัลยาณี คงสมจิตร รองประธานกรรมการ บริษัท ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจของทีเคเค คอร์ปอเรชั่นนั้น ได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการ หรือ Supply Chain Management โดยใช้ทำเลที่ตั้งของสำนักงานทั้ง 4 แห่ง ที่ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทำหน้าที่กระจายสินค้า เชื่อมโยงด้วยระบบออนไลน์ ทำให้เมื่อรับออเดอร์จากลูกค้า ก็สามารถเช็คสต็อกสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ไปยังศูนย์เก็บสินค้าทุกแห่ง และดำเนินการจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ช่วยลดความเสียหายให้กับโรงงานลูกค้า
ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและรวดเร็วนี้ ทำให้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ได้รับความไว้วางใจจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย ทั้งค่ายผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่อย่าง โตโยต้า, ไทยฮอนด้า, นิสสัน, มาสด้า, ฮีโน่มอเตอร์ ฯลฯ กลุ่มผู้ประกอบการโรงงานผู้ผลิตยาง เช่น Yokohama, Maxxis, Sumitomo, Dunlop, Bridgestone กลุ่มโรงงานผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า Daikin, Toshiba, Hitachi, Haier, Samsung, LG รวมถึงโรงงานแบรนด์ชั้นนำ SCG, Nippon Steel, Summit Group , Unicharm และ Hoya เป็นต้น
กัลยาณี กล่าวต่อว่า วันนี้ ทีเคเค คอร์ปอเรชั่น ก้าวสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้าน Factory Automation Provider ของเมืองไทย โดยมีสินค้าที่มีความหลากหลายสามารถให้บริการลูกค้าจากโรงงานได้เกือบทุกโรงงานในประเทศ ประกอบกับการเปิด BU System Integrator ที่ให้บริการด้าน Solution กับโรงงานอุตสาหกรรม บริษัทฯ จึงวางเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจจากความแข็งแกร่งในกลุ่มโรงงานขนาดใหญ่ไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการที่มีโรงงานขนาดกลาง หรือกลุ่มผู้ประกอบการ SME ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
“ด้วยจุดแข็งของเราที่มีสินค้าที่มีความหลากหลาย คาดหวังที่จะให้บริการกับกลุ่ม SME ของไทยเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ลูกค้า เนื่องจากเราเห็นถึงความลำบากของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ที่ขาดความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโรงงาน เมื่อมีปัญหาไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เราจึงพร้อมเข้าไปช่วยเหลือ ให้ความรู้ ให้การศึกษา โดยมีลูกค้าเป้าหมายได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์, อาหาร, บริการด้านสุขภาพ และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรส่งให้กับโรงงาน โดยได้พูดคุยกับผู้ประกอบการโรงงานผู้ผลิตเครื่องจักรขนาดกลางและขนาดเล็ก ซึ่งเราสามารถเข้าไปช่วยเหลือด้านการส่งชิ้นส่วนเครื่องจักร รวมไปถึงช่วยในการออกแบบ ทำให้เขาเห็นภาพมากขึ้น”
กัลยาณี กล่าวว่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ยุค Thailand 4.0 แต่วันนี้โรงงานในเมืองไทยรายกลางรายเล็ก หรือ SME ยังไม่มีการปรับตัวหรือปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากขาดการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่มากพอ ดังนั้น ทีเคเค คอร์ปอเรชั่นจะเข้าไปเป็นฟันเฟืองในการสนับสนุนให้โรงงานไทยปรับตัวและก้าวเดินต่อไปได้อย่างแข็งแกร่ง