ความเจริญของกรุงเทพฯที่ถึงจุดที่เรียกว่าหนาแน่นในวันนี้ ทำให้เมืองถูกขยายออกไปรอบด้าน พื้นที่รอบนอกถูกพัฒนากลายเป็นเมืองที่มีความพร้อมไม่แพ้พื้นที่ใจกลางกรุง ไม่ว่าจะเป็นรังสิต- เมืองทองธานีในฝั่งเหนือ ย่านราชพฤกษ์-บางใหญ่ กาญจนภิเษกในฝั่งตะวันตก หรือฝั่งบางนา-สุวรรณภูมิ ของกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก
วันนี้กลุ่มตระกูลทองสิมา แกนนำในการพัฒนาพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งใต้ ธนบุรีมากว่า 40 ปี ก็พยายามสร้างพื้นที่บนถนนเส้นสำคัญ พระราม 2 ให้เป็นเมืองที่มีความพร้อมไม่แพ้พื้นที่ด้านอื่นของกรุงเทพฯ
เพ็ญศิริ ทองสิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาร์ทูดีวัน จำกัด กล่าวว่า กลุ่มบริษัทในเครือ อาร์ทูดีวัน เป็นผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ และด้านงานบริการในพื้นที่เขตธนบุรีมานานกว่า 40 ปี เรามีวิสัยทัศน์ในการสร้างธุรกิจที่พัฒนาชุมชน เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญขององค์ประกอบของชุมชนที่สมบูรณ์ ซึ่งจะต้องมีบ้าน ที่พักอาศัย บริการด้านราชการ ด้านสุขภาพ ด้านการพาณิชย์ ด้านการศึกษา ด้านศาสนา และด้านสันทนาการ โดยมีการเดินทางที่สะดวกเป็นองค์ประกอบสนับสนุน
ที่ผ่านมาตระกูลทองสิมา เป็นผู้ก่อตั้ง โรงพยาบาลนครธน โครงการบ้าน ที่พักอาศัย อาคารพาณิชย์ ตลอดจนเป็นผู้บริหารธุรกิจในพื้นที่ ได้แก่ เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ ฟิตเนส เป็นต้น และนอกจากนี้ยังได้มอบที่ดินสำหรับสร้างถนน และสถานที่ราชการ อาทิ เช่น ที่ว่าการเขตบางขุนเทียน และศูนย์สาธารณสุข ถนอม ทองสิมา
“แนวทางของเราคือการดึงพันธมิตรด้านต่างๆ เข้ามาลงทุนและพัฒนาพื้นที่ถนนพระราม 2 ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่พักอาศัย ศูนย์การค้า ฯลฯ แต่ยังขาดเรื่องการศึกษา ยังไม่มีสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพรองรับการเติบโตของชุมชนธนบุรีที่มีการเติบโตด้านประชากรเพิ่มขึ้นทุกปี”
เป็นที่มาของความร่วมมือระหว่าง บริษัทอาร์ทูดีวัน จำกัด และเบซิส อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น โฮลดิ้ง(BASIS International Educational Holdings) -BIEH ในการเปิดตัวโรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ (BASIS International School Bangkok) สร้างวิทยาเขตเพื่อการศึกษาโดยเฉพาะขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย บนถนนพระราม 2 เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 จนถึงเกรด 12 มุ่งนำเสนอหลักสูตรที่สร้างความสำเร็จทางการศึกษาเป็นอันดับ 1 จากสหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนมีทักษะที่จำเป็นเพื่อสร้างความสำเร็จในศตวรรษที่ 21 ด้วยหลักสูตรตามมาตรฐานสูงสุดของโรงเรียนระดับนานาชาติ
เพ็ญศิริ ยอมรับว่า การแข่งขันของโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยปัจจุบันมีมาก ดังนั้น การจะเปิดโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่จำเป็นต้องมีความแตกต่างที่พิเศษกว่า ซึ่งตนก็ได้เดินทางไปดูการเรียน การสอนในโรงเรียนนานาชาติหลายประเทศ ทั้งออสเตรเลีย, อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา แต่กลับมีความสนใจในการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติเบซิส ที่เมืองเสินเจิ้น ประเทศจีน ที่เห็นนักเรียนมีการเรียนที่สนุนสนาน มีความสุข จึงสนใจนำเบซิสมาเปิดสอนที่ประเทศไทย
โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ เป็นโรงเรียนเครือข่ายของเบซิสลำดับที่ 35 และเป็นประเทศที่ 2 นอกสหรัฐอเมริกาที่เบซิสขยายออกมา ต่อจากประเทศจีน โดยรูปแบบการลงทุน เป็นการเข้ามาลงทุนเปิดสาขาเองของเบซิส ขณะที่อาร์ทูดีวัน จะทำร่วมลงทุนในช่วงแรก เช่นการสนับสนุนด้านหาพื้นที่ การก่อสร้าง ให้คำปรึกษา และจะถอนตัวออกไปในอนาคต ทำให้เบซิสมีอิสระการวางหลักสูตร การสอนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้การเรียน การสอนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แคโรลิน แมคกาวีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเบซิส อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเคชั่น โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการศึกษาในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า หลังจากการขยายสาขาโรงเรียนนานาชาติเบซิสมาที่ประเทศจีน ก็มีการมองหาโอกาสในการขยายสาขาสู่ประเทศอื่น แต่มาพบกับอาร์ทูดีวัน ที่มีแนวทางในการมุ่งพัฒนาชุมชน ซึ่งเป็นเป้าหมายเดียวกันกับเบซิส และมอบอำนาจให้กับเราเป็นผู้จัดการเรียนการสอน โดยไม่นำปัจจัยการทำธุรกิจมายุ่งเกี่ยว ทำให้เรามีความมั่นใจที่จะเปิดโรงเรียนนานาชาติ เบซิส กรุงเทพฯ
โรงเรียนในเครือข่ายของเบซิสเปิดสอนหลักสูตรที่เชื่อมโยงต่อเนื่องกับพัฒนาการของเด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย โดยเน้นความสำเร็จของนักเรียนผ่านการทำโครงงานอิสระ (Senior Project) ในชั้นปีสุดท้าย หลักสูตรของเบซิสสนับสนุนการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอนในทุกวิชาและทุกระดับชั้น นักเรียนจะได้รับโจทย์ท้าทายที่เหมาะสมกับความสามารถ พร้อมกับในแต่ละชั้นปีจะมีการเตรียมความพร้อมในการเรียนระดับที่สูงขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักเรียนในการก้าวสู่ระดับชั้นต่อไปอย่างมั่นคง
“ด้วยแนวโน้มของนวัตกรรม และการปฏิรูปสู่ดิจิทัลในปัจจุบัน รวมไปถึงการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงในแง่ของการใช้ชีวิต และสายอาชีพต่างๆ นอกจากนี้ยังส่งผลต่อรูปแบบการศึกษาในอนาคตอีกด้วย ในศตวรรษที่ 21 โอกาสของเยาวชนรุ่นใหม่ จะไม่ถูกจำกัดอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่ง รัฐใดรัฐหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะสอนนักเรียนของเราด้วยมาตรฐานสูงสุดระดับสากล เพื่อให้นักเรียนได้สามารถเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในสถาบันชั้นนำของโลกและมีความก้าวหน้าในอาชีพการงานในระดับนานาชาติ” แคโรลินกล่าว
โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1,500 ล้านบาท รองรับนักเรียนได้ 1,400 คน มีกำหนดเปิดสอนอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคม ปี 2562 รับนักเรียนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล จนถึงชั้นเทียบเท่ามัธยม 6(PreK-12) รวม 15 ระดับ ค่าเทอมเริ่มต้นปีละ 5 แสนบาทขึ้นไป
แคโรลิน แมคกาวีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทย มีหลายระบบ หลายทางเลือก ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้ความเข้าใจของผู้บริโภคมีมากขึ้น และแพร่หลายขึ้น ซึ่งเบซิสก็มีหลักสูตรเป็นของตนเองที่มั่นใจว่าครอบครัวไทยจะเห็นว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับบุตรหลานของเขาแน่นอน
อลิซาเบธ ธีส์ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ อธิบายว่า เรามีความเห็นว่าการศึกษาแบบดั้งเดิมไม่สามารถทำให้นักเรียนพร้อมรับมือกับความท้าทายของโลกอนาคตที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิตอลที่ไร้พรมแดนและการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีในยุค 4.0 ได้ ดังนั้นหลักสูตรของเบซิสจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการพัฒนาทักษะรอบด้านไปพร้อมกับการสร้างพื้นฐานที่ดีในทุกสาขาวิชาไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ การเรียนแบบสหวิทยาการ ภาษา ศิลปะ และพลศึกษา มีการนำมาตรฐานการศึกษาระดับโลกมาผสมผสานกับความชาญฉลาดและความคิดสร้างสรรค์ เป็นผลให้นักเรียนของหลักสูตรเบซิสอยู่ในอันดับต้นของโลกการศึกษา โดยวัดจากผลสอบของ OECD ตามโครงการประเมินผลการศึกษานานาชาติ (PISA)
นักเรียนที่จบการศึกษาจากเบซิสมีผลการเรียนและความสามารถที่โดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ทั่วโลก โดยในปี 2560 ที่ผ่านมานักเรียนของเบซิส 28% ที่จบการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ล้วนได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่ออย่างน้อยจาก 1 ใน 25 วิทยาลัย และมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ตามที่มีการจัดอันดับโดย Times Higher Education World University Ranking และสามารถทำคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างยอดเยี่ยม โดยคะแนน SAT เฉลี่ยของนักเรียนที่จบจากเบซิสเมื่อปี 2560 ที่ผ่านมาคือ 1,395 จากคะแนนเต็ม 1,600 คะแนน
“โรงเรียนนานาชาติเบซิส กรุงเทพฯ จะมีความพิเศษและไม่เหมือนใครเพราะเราจะนำแนวคิดของการนำวัฒนธรรมไทยมาเป็นหนึ่งในหลักสูตรของเราด้วยวิถีการศึกษาที่เราเรียกว่า “locally rooted and globally connected educational methodologies” ซึ่งจะนำคุณค่าของท้องถิ่นมาเชื่อมโยงกับความรู้ความคิดและทักษะอันเป็นสากล ภารกิจของเราคือการยกระดับมาตรฐานการศึกษาของไทยไปสู่ระดับนานาชาติที่สูงที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนของเราอยู่บนเวทีโลกการค้าและนวัตกรรมในศตวรรษที่ 21 “