ถือเป็นข่าวใหญ่ระดับ Talk of The Town ที่มีผลต่ออนาคตของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลในเมืองไทยกันเลยทีเดียว เมื่อบ่ายวันนี้ (13 มี.ค.2561) ศาลปกครองกลางชี้ว่า บริษัท ไทยทีวี จำกัด ของ “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” หรือนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับ กสทช.ได้ โดย กสทช.ต้องคืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพให้ “เจ๊ติ๋ม” ภายใน 60 วัน ซึ่งคำพิพากษานี้ นอกจากจะเป็นชัยชนะของเจ๊ติ๋มต่อ กสทช. อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ยังเป็นการกรุยทางให้ช่องทีวีดิจิทัลที่ต้องการจะคืนสัญญา ได้ใช้เป็นกรณีศึกษาเพื่อหาทางหนีทีไล่กันต่อไปด้วย
เป็นเวลาร่วม 3 ปีแล้วที่เจ๊ติ๋มหันหลังให้กับทีวีดิจิทัลพร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามหลังว่า “แทงหวยผิดแล้วคิดจะชักดาบ” แต่ในวันนี้ ผู้หญิงคนเดียวกันนี้กลับขึ้นแท่นเป็น “มือพิฆาต กสทช.” อย่างพลิกล็อก หักปากกาเซียน แถมยังถูกกฎหมายอีกต่างหาก ดูจากไทม์ไลน์แล้ว ถ้าจะเรียกว่า “ย้อนรอยแค้น 3 ปีไม่สาย” ก็คงไม่แปลก
ธันวาคม 2556 บริษัท ไทยทีวี จำกัด ของเจ๊ติ๋ม ชนะการประมูลทีวีดิจิทัล 2 ช่อง ใน 2 หมวด คือหมวดข่าวสารและสาระ (ช่องไทยทีวี) ในราคา 1,328 ล้านบาท และหมวดช่องเด็ก เยาวชนและครอบครัว (ช่อง LOCA) ราคา 648 ล้านบาท รวมยอดประมูล 1,976 ล้านบาท
เมษายน 2557 ไทยทีวีชำระค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลงวดแรก 365.50 ล้านบาท เจ๊ติ๋มปิดช่องทีวีดาวเทียม 2 ช่องคือ ทีวีพูลแชนแนล และทีวีพูลมิวสิก เพื่อหันมาทุ่มเทให้กับช่องไทยทีวีและช่อง LOCA อย่างเต็มตัว มีการจัดงานแถลงข่าวพร้อมประกาศจะเป็นผู้นำช่องข่าว และขึ้นอันดับ Top 5 ในกลุ่มทีวีดิจิทัลให้ได้ แต่ในเวลาต่อมาก็มีข่าวความไม่ลงตัวทั้งการบริหารงาน รูปแบบรายการ และความไม่พร้อมของบุคลากรเป็นระยะๆ จนทำให้สถานการณ์ภายในของทั้ง 2 ช่องชะงักงัน
พฤษภาคม 2558 เจ๊ติ๋มประกาศไม่จ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไป พร้อมทำหนังสือถึง กสทช. เรื่อง “ขอเลิกใบอนุญาตและการประกอบกิจการ” โดยระบุว่า กสทช.ไม่ได้กำกับดูแลการเปลี่ยนผ่านระบบการรับชมสัญญาณโทรทัศน์ในระบบภาคพื้นดินไปสู่ระบบดิจิทัล “ให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือตามแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2555-2559 หรือตามที่ กสทช. ได้ประกาศและประชาสัมพันธ์ไว้ตามที่ได้ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ” และเมื่อบอกกล่าวไปแล้ว กสทช. ก็ยังเพิกเฉย ไทยทีวีจึงขอบอกเลิกใบอนุญาตและการประกอบกิจการภายใน 15 วัน
“ใครจะจ่ายก็จ่ายไป แต่เราไม่ยอมจ่ายแน่ๆ ยอมรับว่าเราคาดการณ์ผิดพลาดที่ไปประมูลมา 2 ช่อง เหมือนล่องเรืออยู่แล้วเห็นสิ่งใหม่ที่ดีกว่าก็ไปร่วม และก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้” สิ้นเสียงประกาศ ก็ตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์เจ๊ติ๋มสนั่นเมือง โดยเฉพาะในพันทิปที่มีคอมเมนต์ว่า “แทงหวยผิดแล้วคิดจะชักดาบ”
กุมภาพันธ์ 2559 เจ๊ติ๋มยื่นเรื่องขอความคุ้มครองกับศาลปกครองหลังได้รับจดหมายจาก กสทช. ให้ชำระเงินที่เหลือจำนวน 1,748 ล้านบาท ภายใน 30 วัน ขณะเดียวกันก็ฟ้อง กสทช. เรียกค่าเสียหาย 713.8 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และขอคืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทั้ง 2 ช่อง จำนวน 365 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
ธันวาคม 2559 ศาลปกครองมีคำสั่งให้ไทยทีวีระงับการจ่ายค่างวดประมูลทีวีดิจิทัลไว้ก่อน รอจนกว่าคดีฟ้องร้อง กสทช กรณีดำเนินนโยบายผิดพลาดเป็นที่สิ้นสุด จากคำสั่งนี้จึงทำให้ธนาคารกรุงเทพ ผู้ออกหนังสือค้ำประกันค่าประมูลใบอนุญาตไม่ต้องจ่ายค่าประกันแทนไทยทีวี โดยก่อนหน้านั้น ธนาคารกรุงเทพได้ชำระเงินงวดที่ 2-3 แทนไทยทีวีไปแล้วรวมประมาณ 500 ล้านบาท
ในเดือนเดียวกันนี้ กสทช. ได้ขยายระยะเวลาการชำระค่าใบอนุญาต งวดที่ 4 ออกไป 2 ปี จากเดิมที่ต้องชำระภายใน 1 ปี ตามคำสั่งของ คสช.
มิถุนายน 2560 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ระงับการเรียกเก็บเงิน เพื่อเป็นมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น งานนี้เจ๊ติ๋มโล่งอก เพราะไม่ต้องชำระเงินค่าประมูลอีกแล้ว เหลือแต่รอว่าถ้าศาลตัดสินว่า กสทช. ผิด วันนั้น กสทช. จะต้องเป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้เจ๊ติ๋มเกือบ 1,000 ล้านบาท
กันยายน 2560 กสทช. ยืดเวลาชำระเงินค่าประมูลงวดที่ 5 ออกไปอีก 9 เดือน และเผยว่าจะลดจำนวนช่องจาก 22 ช่อง เหลือประมาณ 15-16 ช่อง
13 มีนาคม 2561 วันนี้ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาในคดีที่ไทยทีวียื่นฟ้อง กสทช. ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่นั้น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า “บริษัท ไทยทีวี ผู้ฟ้องคดี มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ เนื่องจาก กสทช. ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้ประกาศเชิญชวนไว้ ดังนั้น เมื่อคู่กรณีบอกเลิกสัญญาแล้ว จึงให้ กสทช. คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ ที่ได้วางไว้คืนแก่บริษัทไทยทีวีด้วย ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ส่วนคำขออื่นศาลให้ยกทั้งหมด”
ขอขอบคุณภาพจาก TV Pool