3 กุญแจ พา AP ไขความสำเร็จสู่ยุคดิจิทัล

1319

เทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามาเกี่ยวข้องและกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตผู้คน ทำให้แทบทุกธุรกิจต้องหันกลับมาดูตัวเอง  และปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ตื่นตัวมากเป็นพิเศษ

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของไทยในเวลานี้ ต่างมีการลงทุนในการมองหาดิจิทัล โซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้กับการพัฒนาโครงการของตน  Internet of Things  หรือ AI ถูกพูดถึง และนำมาใช้ในหลายๆ โครงการ แต่สำหรับ เอพี อีกหนึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้า วางพันธกิจของธุรกิจในการขับเคลื่อนสู่ดิจิทัลปีนี้ ไว้ว่า

“ความท้าทายไม่ใช่เพียงแค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่อยู่ที่กระบวนการที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ”

พันธกิจนี้ถูกนำมาแปลงเป็นเป็น  3 กุญแจสำคัญที่ผู้บริหารเอพีมั่นใจว่า จะสร้างความสำเร็จให้กับธุรกิจในปีนี้ได้ ประกอบด้วย

กุญแจที่ 1  การเปลี่ยนแพลตฟอร์มการขาย การจัดงานพรีเซลล์ที่คุ้นเคย มาเป็นการขายผ่านช่องทางออนไลน์

กุญแจที่ 2 สร้างจุดแตกต่างของ Business Model ด้วยพื้นที่โครงการที่มีศักยภาพสูง

กุญแจที่ 3 พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลที่จะสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้าน

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวถึงกุญแจทั้ง 3 ที่ถูกนำมาใช้กับการขายโครงการของเอพีในปีนี้ว่า เริ่มต้นตั้งแต่การปรับรูปแบบการจองโครงการ จากการจัดอีเวนท์พรีเซลล์ที่โครงการ มาเป็นการจองผ่านช่องทางออนไลน์ วันนี้ เอพีได้พัฒนาแพลตฟอร์ม AP i-Booking  เป็นช่องทางในการให้บริการลูกค้าออนไลน์

วิทการ กล่าวว่า ปัจจุบัน เอพีมีลูกค้าอยู่ในฐานข้อมูลเกือบแสนราย ข้อมูล Big Data นี้ถูกนำมาวิเคราะห์ความต้องการ วิธีคิด  และกระบวนการตัดสินใจ พบว่า ปัจจุบันลูกค้าการทำการบ้านก่อนการตัดสินใจซื้อบ้านมากขึ้น โดย 95% ของลูกค้าที่จะซื้อบ้าน มีการเช็คข้อมูล สอบถามผู้รู้ ก่อนลงพื้นที่ รวมถึงลูกค้า 90% มีการนำโครงการที่สนใจเปรียบเทียบกับโครงการอื่น เพื่อได้ทางเลือกที่ดีที่สุด

“กระบวนการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนรุ่นใหม่(Young Generations) ที่เปลี่ยนไป มักหาข้อมูลอย่างรอบด้านและการบริโภคข่าวสารผ่านเครื่องมือที่เข้าถึงง่าย และเพียงพอต่อการตัดสินใจเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะเข้าเยี่ยมชมโครงการเป็นขั้นตอนสุดท้าย จากการสำรวจสถิติการเข้าถึงข้อมูลผ่านเว็บไซต์ APTHAI.COM พบผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์จาก 2.5 แสนคนในปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 5.9 ล้านคนในปี 2560 และกว่า 70% ของลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ในช่วงอายุ 25-44 ปี

ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เอพีมั่นใจนำแอพพลิเคชั่น AP i-Booking มาใช้ในการให้บริการจองโครงการ ในปีที่ผ่านมา มีการใช้ AP i-Booking ในการจองโครงการ LIFE One Wireless และ LIFE อโศก-พระราม 9 โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยจำนวนลูกค้าที่ให้ความสนใจจองในรอบออนไลน์สูงกว่าจำนวนยูนิตที่เปิดขายกว่า 9 เท่า และความเร็วสูงสุดในการจองห้องชุดผ่าน AP i-Booking เพียง 1.21 นาทีเท่านั้น  การันตีพฤติกรรมและความคุ้นชินกับเทคโนโลยีของลูกค้ากลุ่มนี้ ตอบโจทย์และสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการคอนโดมิเนียมเมืองไทย

และในปีนี้ AP i-Booking จะถูกนำมาใช้กับการขายโครงการแฟลกชิพ LIFE สุขุมวิท 62 ที่จะเปิดให้จองในวันที่ 26 มีนาคมนี้ เวลา 19.00-21.00 น. โดยจะมีการห้องที่เปิดจองจำนวน 40% ของห้องทั้งหมดของโครงการ

โดยโครงการ LIFE สุขุมวิท 62 บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ จำนวน 438 ยูนิต เป็นโครงการที่สร้างจุดแตกต่างของ Business Model ด้วยพื้นที่โครงการที่มีศักยภาพสูง เป็นทำเลที่ตั้งระดับ Prime Location สามารถเชื่อมต่อได้อย่างหลากหลายเส้นทาง เพียง 200 เมตรถึงสถานีรถไฟฟ้าบางจาก และ 500 เมตรจากทางด่วน ทำให้โครงการ LIFE สุขุมวิท 62 มีความได้เปรียบในเชิงมูลค่าและทางเลือกที่มากขึ้น ด้วยจุดขาย ‘Platform of Success’

“ช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หันไปขยายโครงการออกนอกเมือง แต่หลายรายไม่ประสบความสำเร็จ หันกลับมาพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ เกาะเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว และสีแดง ทำให้ราคาที่ดินมีมูลค่าสูงขึ้น”

โดยตลาดคอนโดแนวรถไฟฟ้าบนถนนสุขุมวิท สามารถแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ได้แก่ 1)สุขุมวิทตอนต้น(สถานีนานา-เอกมัย) พบคอนโดระดับราคาขาย 290,000-400,000 บาท/ตร.ม ทำเลใจกลางเมือง ศูนย์รวมย่านธุรกิจชั้นนำ โดยพบสินค้ากลุ่มลักชัวรี่เป็นส่วนใหญ่ 2)สุขุมวิทตอนกลาง(สถานีพระโขนง-นานา) พบคอนโดระดับราคา 100,000-250,000 บาท/ตร.ม. ทำเลศักยภาพแวดล้อมด้วยการเติบโตของซิตี้เทรนด์ อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการขยายออกของศูนย์กลางย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิทตอนต้นได้ชัดเจน ซึ่งเป็นปัจจัยดันให้เกิดดีมานด์ในย่านอย่างต่อเนื่อง โดยความท้าทายของผู้ประกอบการ คือ กลยุทธ์ในการเลือกที่ดินและการบริหารแพ็คเกจราคาที่จะสามารถตอบดีมานด์ได้ เอพีเล็งเห็นช่องว่างในการพัฒนาคอนโดเพื่อตอบโจทย์ดีมานด์กลุ่มนี้ และในส่วนของ 3)สุขุมวิทตอนปลาย (สถานีแบริ่ง-เอราวัณ) พบคอนโดระดับราคา 70,000-120,000 บาท/ตร.ม.

นอกจากนี้ LIFE สุขุมวิท 62 ยังสร้างความต่างในการมุ่งพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ตั้งแต่กระบวนการออกแบบและก่อสร้าง ด้วยเทคโนโลยี BIM Process เป็นระบบคอมพิวเตอร์เพื่อควบคุมกระบวนการทำงานต่างๆให้สอดคล้องและถูกต้องมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของแนวคิดของการออกแบบ, เวลาในการทำงาน, การควบคุมคุณภาพของงาน รวมถึงการประสานงานกับส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง สามารถกำหนดและใส่ข้อมูลต่างๆตลอดจนรายละเอียดลงไปในทุกๆส่วนขององค์ประกอบการก่อสร้าง ทั้งในรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ เป็นการทำงานควบคู่กันไปทั้งกระบวนการ เปลี่ยนกระบวนการทำงาน ตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้าง การเลือกซัพพลายเออร์ ไปจนถึงการก่อสร้างที่สามารถวางแผนการก่อสร้างได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่ใช่ทำไปแก้ปัญหาไปเหมือนอดีต ทำให้โครงการมีคุณภาพมากขึ้น

นวัตกรรมดิจิทัลที่เอพีนำเสนอยังผสานเข้าไปในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมวางระบบ Wifi ไฟเบอร์ออฟติกทั่วทั้งโครงการ ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิดการออกแบบพื้นที่ชีวิตแห่งอนาคต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองขึ้นไปอีกขั้น อาทิ  Digital Co-working Space พร้อมติดตั้ง Cocoon Space ดีไซน์พิเศษให้เป็น Private Space แม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง ก็สามารถนั่งทำงานได้โดยไม่ถูกรบกวน พร้อมเพิ่มพื้นที่ชีวิตให้ออกแบบการพักผ่อนตามไลฟ์สไตล์ได้อย่างไม่จำกัด โดดเด่นด้วยการผสานพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งโครงการ อาทิ Interlock Landscape ดึงพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติเข้าสู่ภายในล๊อบบี้ พร้อมการจัดวางที่นั่งและทางเดินในมุมที่ร่มรื่น เพื่อความสวยงามและความเป็นส่วนตัวสูงสุดเสมือนนั่งทำงานท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่ด้วย Ultimate Rooftop Facilities อาทิ Aquascape สระว่ายน้ำแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สามารถเปิดรับวิวสุขุมวิท และวิวโค้งน้ำบางกระเจ้าได้สุดสายตา รวมถึงยังมี Sky Fitness ห้องฟิตเนสมุมกว้างเพื่อการใช้ชีวิตแบบแอคทีฟพร้อมความเป็นส่วนตัวไปด้วยกัน

คอนโดมิเนียม ‘LIFE สุขุมวิท 62’ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุนโครงการที่ 12 ระหว่างเอพี (ไทยแลนด์) และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ที่จะเปิดตัวเป็นโครงการแรกในปีนี้ ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิทรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการทั้งโรงพยาบาล สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำเดินทางสะดวกเพียง 200 เมตรจากสถานีรถไฟฟ้าบางจาก และเพียง 500 เมตรจุดขึ้นลงทางด่วน ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท หรือ เริ่ม 120,000 บาท/ตร.ม. บนพื้นที่ทั้งหมด 2-2-67.2 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักสูง 24 ชั้น 438 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 1)สตูดิโอ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 25 ตารางเมตร 2)ห้องชุด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร 3)ห้องชุด 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ(แบบพิเศษ) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 38–39 ตารางเมตร และ  4)ห้องชุด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 50-68 ตารางเมตร

ด้านผลการดำเนินงานในปีที่ 2560 วิทการ ให้ข้อมูลว่า เอพีสามารถสร้างยอดขายรวมของสินค้าทั้งกลุ่มคอนโด และแนวราบได้มากถึง 42,900 ล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ เกินจากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2560 คือ 26,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นถึง 92% หากเทียบกับยอดขายปี 2559 ที่ทำได้ 22,365 ล้านบาท

“ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา นอกจากจะมาจากการเปิดตัวสินค้าแนวราบทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 22 โครงการใหม่ ซึ่งมีอัตราการเติบโตทางยอดขายอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมาจากการประสบความสำเร็จในการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ LIFE จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ LIFE ลาดพร้าว LIFE วัน ไวร์เลส และ LIFE อโศก-พระราม 9  ซึ่งทั้ง 3 โครงการสามารถปิดการขายได้ประมาณ 90% ตลอดจนสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา(Ongoing Projects) อีกกว่า 90 โครงการ ก็มีส่วนสำคัญช่วยผลักดันสู่ความสำเร็จครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้”

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปี 2561 วิทการ กล่าวว่า เอพี (ไทยแลนด์)เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 34 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 49,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่า 30,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 33,500 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2561 ไว้ที่ 28,100 ล้านบาท

ในส่วนของการเปิดโครงการใหม่ของกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมในครึ่งปีแรก บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ได้แก่ Aspire สาทร-ราชพฤกษ์ คอนโดมิเนียม สูง 32 ชั้น จำนวน 1,049 ยูนิต มูลค่า 3,000 ล้านบาท เปิดขายไปแล้ว และ LIFE สุขุมวิท 62 ซึ่งเตรียมเปิดขายผ่านระบบออนไลน์ AP i-Booking ในวันที่ 27 มีนาคมนี้ เวลา 19.00 – 21.00 น.

นอกจากนั้น ในปีนี้ เอพีจะเริ่มนำโครงการที่เปิดขายออกไปทำตลาดในต่างประเทศให้มากขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจากญี่ปุ่น โดยในปีนี้จะขยายออกไปทำตลาดในฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และญี่ปุ่นให้มากขึ้นด้วย โดยโครงการ LIFE สุขุมวิท 62 ก็จะมีการนำออกไปทำตลาดต่างประเทศเป็นโครงการแรกของปีนี้

บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด วิเคราะห์หลักทรัพย์  AP เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา รายงานกำไรในปี 2560 ที่ 3,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.5% YoY สูงกว่าที่คาดไว้ 3.9%  เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ใน 4Q60 มากกว่าที่คาด โดยบริษัทเตรียมเปิดโครงการทั้งหมด 35 โครงการ รวมมูลค่าทั้งหมด  49,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปี ที่แล้ว แต่สัดส่วนของพอร์ตจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยลดขนาดของโครงการคอนโดมิเนียมลงแล้วไปเน้นในส่วนของแนวราบเพิ่ม ทั้งนี้ AP มียอด Backlog ที่พร้อมโอนในปี 2561 ที่ประมาณ 9,921 ล้านบาท(รวมแนวราบ) โดยบริษัทต้องพึ่งพายอดขายจากโครงการในแนวราบให้มากที่สุดเพื่อที่จะทำรายได้ให้สำเร็จตามเป้า ซึ่งภาพโดยรวมของ AP ยังอยู่ในระดับที่ดี โดยบริษัทจะมีการเติบโตจากโครงการ JVs เป็นหลัก

เอเชีย เวลท์ แนะนำ “ซื้อ” โดยให้ราคาเป้ าหมายที่  10.00 บาท