บูมไทยแลนด์สู่ “ฮับคอมิค” ทรูวิชั่นส์ จับมือ ฮอบบี้ พลัส รวมอีเวนท์ยกระดับ

1505

คงไม่ใช่เป็นการพูดเกินความจริง หากจะบอกว่า คนแทบจะทุกคนบนโลก นอกจากพ่อ-แม่ ที่รู้จักเป็นคนแรกๆ ในชีวิตแล้ว ตัวการ์ตูนนานาคาแรกเตอร์นี่แหละ คือคนที่ทุกคนจะรู้จักเป็นคน(ตัว)ต่อไป

สโนไวท์, มิกกี้เมาท์, โดนัลดักซ์, โดราเอมอน, หมีพูท์, แมวคิตตี้, หมาสนูปปี้ รวมถึงเจ้าหญิงจากดีสนีย์ น่าจะเป็นตัวการ์ตูนกลุ่มแรกๆ ที่เข้าไปทำความรู้จักกับผู้คน ตามมาด้วย เซลลาร์มูน, อุลตร้าแมน, ซูเปอร์แมน, สไปเดอร์แมน, สตาร์วอร์ หรือนักสืบโคนัน  เรียงหน้ามาสร้างความรู้จัก ความรัก ความผูกพัน

จึงไม่น่าแปลกใจที่หากมีการจัดอีเวนท์เกี่ยวกับการรวมคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนเหล่านี้เมื่อไหร่ หรือมีจุดรวมพลคนรักการ์ตูนที่ไหน คนรักการ์ตูนจะแห่กันไปรวมตัวอยู่ที่นั่น

ที่ผ่านมาในประเทศไทย มีอีเวนท์ใหญ่ของคนรักการ์ตูน หรือชาวคอมิค อยู่ 2 งาน  หนึ่งคือ งาน Bangkok Comic Con ที่จัดมาแล้ว 3 ปี โดยมีทรูวิชั่นส์ เป็นเจ้าของงาน มีไฮไลท์อยู่ตัวคอมมิคจากฝากอเมริกา ฮอลลีวู้ด ที่กำลังเติบโตมากขึ้นจากการแข่งขันของภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด 2 ค่ายคอมิค มาร์เวล และดีซี   ขณะที่อีกหนึ่งงาน คือ Thailand Comic Con ของบริษัทฮอบบี้ พลัส จัดมา 3 ครั้งเช่นกัน  เน้นตัวการ์ตูนอะนิเมะ จากฝากญี่ปุ่น ที่คนไทยจะคุ้นมาเป็นเวลานาน  โดยในปีที่ผ่านมาทั้ง 2 งาน  มีผู้เข้าร่วมงานราว 6-7  หมื่นคน  และมีแฟนเพจบนเฟสบุ๊กในปัจจุบันอยู่งานละ 2 แสนคน

 

เมื่อ 2 งานมีแนวทางเดียวกัน มีกลุ่มเป้าหมายที่แทบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน  แตกต่างกันที่ที่มาของตัวการ์ตูนคนละฝั่งโลก ยักษ์ใหญ่อย่างทรูวิชั่นส์ จึงชักชวนฮอบบี้ พลัส รวม 2 อีเวนท์คอมิค เข้ามาอยู่ในงานเดียวกัน เสริมศักภาพของงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ครบถ้วนขึ้น เทียบชั้นงานระดับโลก  โดยจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในงาน “แบงค็อก คอมิค คอน และ ไทยแลนด์ คอมิค คอน 2018 วันที่ 27-29 เมษายน ปีหน้า ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน       

                 องอาจ ประภากมล กรรมการบริษัท ทรูวิชั่นส์ จํากัด เผยถึงการร่วมมือในครั้งนี้ว่า   มหกรรมป๊อป คัลเจอร์ มีการขยายตัวไปแล้วทั่วโลก และทั่วภูมิภาคเอเซีย ซึ่งวงการคอมิค คอน ในประเทศไทยก็เริ่มจัดมาตั้งแต่ปี 2014 และมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง กับกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากแฟนๆ ที่ชื่นชอบหนัง ทีวีซีรี่ส์ การ์ตูน อนิเมะ ของเล่น และอื่นๆ  ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป และ ฮอบบี้ พลัส สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการคอมิค คอน จึงได้จัดงานพร้อมกันรวม 2 งานในงานเดียวให้เป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในภูมิภาค

“ที่มาของการรวมตัวครั้งนี้จุดเริ่มต้นมากจากการที่เราทั้งสองบริษัทมีความเชี่ยวชาญและแข็งแกร่งกันคนละด้าน ทางทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป เราโดดเด่นทางด้านคอนเทนต์ฮอลลีวู้ดและฝั่งตะวันตกทั้งหมด  ส่วนฮอบบี้ พลัส จะเป็นสุดยอดทางด้านคอนเทนต์ญี่ปุ่นและเอเชีย เมื่อทั้งสองรวมกัน มันจะไม่ใช่ 1+1 = 2 แต่จะเท่ากับ 4 หรือ 5 ผู้ที่ชื่นชอบคอนเทนท์จากฮอลลีวูด หรือผู้ที่สะสมหุ่นฟิกเกอร์ อนิเมะ ฝั่งญี่ปุ่น โดยถ้ามีจัดงานยิ่งใหญ่ทั้งสองฝั่งแบบนี้ ในวันเดียวกัน จะมีแฟน ๆ เข้าร่วมงานมหาศาลอย่างแน่นอน โดยเราคาดหมายผู้ร่วมงานทั้งสิ้นรวมกว่า 1 แสนคนตลอด 3 วัน เราจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับการจัดงานโชว์ในเมืองไทย และจะสามารถต่อยอดให้กับอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงจะทำให้ตลาดนี้เติบโตได้อีกหลายเท่าตัว”

ด้านชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ กรรมการ บริษัท ฮอบบี้ พลัส จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือระหว่างทรูวิชั่นส์ และฮอบบี้ พลัสในการจัดงานคอมิค คอนปีหน้า ถือเป็นการยกระดับอีเวนท์คอมิค คอนเมืองไทยให้ขึ้นมาอยู่ระดับแนวหน้าของภูมิภาค เพราะนอกจากประเทศไทยจะมีการงานคอมิค คอม เป็นแห่งแรกในภูมิภาค ก่อนที่เซี่ยงไฮ้, ไต้หวัน โตเกียว, มะนิลา และสิงคโปร์จะจัดตามมา ผู้จัดการในทุกประเทศส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้รักในคอมิค หรืออะนิเมะ รวมตัวกันจัดงาน  เหมือนเช่นฮอบบี้ พลัส  แต่เมื่อได้ทรูวิชั่นส์ที่เป็นองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาร่วมด้วย  จึงเป็นการยกระดับงานคอมิค คอนในประเทศไทยให้ขึ้นมาอยู่ระดับแนวหน้าได้

โดยความน่าสนใจในรายละเอียดของงานนี้ จะเป็นการผสมผสานงานกันระหว่าง East Meets West ผู้ที่มางานนี้จะพบกับสิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนกับการรวมสุดยอดอีเว้นท์ ป็อปคัลเจอร์จากฝั่งฮอลลีวู้ดแห่งโลกตะวันตก และงานป็อปคัลเจอร์ระดับพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่นมาไว้ในงานเดียวกัน ในงานจะมีการเชิญดาราดังจากฮอลลิวูด  ผู้กำกับ เจ้าของสตูดิโอ คนทำงานเบื้องหลัง และกลุ่มไอดอลชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นมาให้แฟนๆ ได้พบปะอย่างใกล้ชิดในงานนี้ รวมทั้งโชว์จากการ์ตูนคาแรกเตอร์แบบจัดเต็มตลอด 3 วัน นอกจากนี้ยังมีการประกวดคอสเพลย์สุดยิ่งใหญ่ การแข่งเกม และการจัดแสดงของสะสมและฟิกเกอร์ รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นต่างๆ จะนำมาให้ได้ช้อปและชมกัน พิเศษสุดๆ เฉพาะงานนี้

องอาจ คาดว่างาน “แบงค็อก คอมิค คอน และ ไทยแลนด์ คอมิค คอน 2018” จะมีบูธจากผู้เกี่ยวข้องกับคอมิคด้านต่างๆ มาร่วมไม่ต่ำกว่า 200 บูธ โดยจุดที่น่าสนใจคือ ในอดีตเมืองไทยจะมีงานคอมิค คอม 2 งานจัดต่างช่วงเวลากัน ทำให้เจ้าของบูธต้องแบ่งงบประมาณในการออกงานไว้ 2 ส่วน แต่เมื่องานทั้ง 2 มารวมอยู่ในรายการเดียวกัน งบประมาณทั้งหมดจึงจะถูกใช้ที่งานนี้เพียงงานเดียว ก็ทำให้แต่ละบูธมีการลงทุนอย่างเต็มที่ โดยจำนวนผู้ชมที่ตั้งเป้าไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนคนตลอดทั้งรายการ รวมถึงจะมีผู้ชมจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาด้วย และคาดว่าจะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ผู้บริหารทรูวิขั่นส์ กล่าวต่อว่า ตนมีความมั่นใจว่า  “แบงค็อก คอมิค คอน และ ไทยแลนด์ คอมิค คอน 2018” จะถูกจัดให้เป็นงานคอมิค คอนระดับอินเตอร์เนชั่นแนล แน่นอน  จะเป็น One Stop Shopping ของคนรัก Pop Culture ทั่วโลก  ซึ่งด้วยช่วงเวลาจัดงานเดือนเมษายน ถือเป็นการคิก ออฟ เปิดงานคอมิคแรกของทั่วโลกในทุกๆ ปี ที่จะดึงดูดให้คนในวงการจากทั่วโลกเดินทางเข้ามา ประกอบกันเป็นช่วงซัมเมอร์ เทศกาลหนัง Blockbuster ของฮอลลีวู้ด ก็จะทำให้สตูดิโอภาพยนตร์ใช้เวทีนี้ในการโปรโมทภาพยนตร์

และหลังจากประสบความสำเร็จในประเทศแล้ว  ทั้ง 2 บริษัท ก็มีแผนที่จะจับมือกันออกไปสร้างความสำเร็จในประเทศเพื่อนบ้าน  ทั้งฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ โดยในปีที่ผ่านมา ทรูวิชั่นส์ ก็มีการออกไปเป็นผู้จัดงาน จาการ์ต้า คอมมิค คอน ที่ประเทศอินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจมาแล้ว

รวมพลังกันสร้างงานคอมิค คอนในประเทศไทย ให้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นผู้จัดงานคอมิค คอน ที่มีเครือข่ายการจัดงานอยู่ทั่วทั้งภูมิภาคด้วย