เปิดอาณาจักร “ภิรัชบุรี” ผู้นำตลาดอาคารสำนักงานให้เช่าทำเลเกรดA พร้อมมุ่งพัฒนาโครงการ Mixed-Use

36540

กลุ่มบริษัท “ภิรัชบุรี” ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอาคารสำนักงานให้เช่าคุณภาพบนทำเลเกรด A ที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ มานานกว่า 30 ปี

และคนส่วนใหญ่มักจะรู้จักในนามผู้บริหารศูนย์นิทรรศการและการแสดงสินค้านานาชาติกรุงเทพฯ หรือ ไบเทค บางนา  (Bangkok International Trade & Exhibition Center : BITEC)  1 ใน 5 ศูนย์นิทรรศการและการแสดงสินค้านานาชาติที่ดีที่สุดในเอเชีย-แปซิฟิก

ชิงปักธงอาคารสำนักงานบนทำเลเกรดA

ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ให้เช่าไปแล้วมีพื้นที่รวมกว่า 700,000 ตารางเมตร จากพอร์ตธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 5 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านการจัดนิทรรศการและการประชุม (MICE) ธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่า ธุรกิจด้านพื้นที่ค้าปลีก ธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ เช่น การบริหารและให้คำปรึกษาการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์

โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารสำนักงานให้เช่าถือเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นและสร้างการเติบโตที่ดีให้แก่ทางกลุ่มบริษัทภิรัชบุรีมากที่สุด  เนื่องจากมีประสบการณ์พัฒนาโครงการประเภทนี้มานานกว่า 25 ปี

เริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานสมัชชาวานิช 2 หรือ UBCII  สุขุมวิท 33 ที่ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ในปี 2535 และเปิดดำเนินการในปี 2538 โดยมีพื้นที่รวมกว่า 85,000 ตารางเมตร

หลังจากนั้นก็ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ในปี 2538 และเปิดให้บริการได้ในปี 2540 ซึ่งในเฟสแรกนั้น ศูนย์นิทรรศการแห่งนี้มีพื้นที่รวมกว่า 155,000 ตารางเมตร และในปี 2545 ได้ลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายครั้งแรก และได้พื้นที่การจัดงานแสดงสินค้าเพิ่มอีก 7,980 ตารางเมตร

ต่อมาในปี 2546 ศูนย์นิทรรศการฯ แห่งนี้ก็ได้ลงทุนก่อสร้างส่วนต่อขยายเป็นครั้งที่ 2 โดยมีพื้นที่รวมสำหรับงานจัดแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 10,500 ตารางเมตร

ปี 2554 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารสำนักงาน “ภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์” หรือ  BHIRAJ TOWER at EmQuartier ปัจจุบันเปิดให้ดำเนินมาแล้ว 2 ปี 6 เดือน

และในปี 2556 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ไบเทค เฟส 2 และอาคารสำนักงาน “ภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค” หรือ BHIRAJ TOWER at BITEC เปิดตัวเมื่อช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ทุกโครงการของกลุ่มบริษัทภิรัชบุรีนั้นถือได้ว่าตั้งอยู่ในทำเลเกรด A ทั้งหมด

ไม่ว่าจะเป็นอาคาร UBCII  สุขุมวิท 33  อาคารสำนักงานภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ที่ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ หรือสถานีรถไฟใต้ดิน  MRT สถานีอโศก และมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าไฮเอ็นด์ โรงแรมระดับ 5-6 ดาว ฯลฯ

ขณะที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา และอาคารสำนักงานภิรัชทาวเวอร์ แอท ไบเทค ก็ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา และอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ฯลฯ

โฟกัสโครงการ Mixed-Use รับตลาดยุค 4.0

ดร.ประสาน ภิรัช บุรี  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทภิรัชบุรี พูดถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทภิรัชบุรีว่า บริษัทฯ จะมุ่งเน้นแนวทางการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ประเภทอาคารสำนักงาน เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและการเติบโตอย่างยั่งยืนทางธุรกิจ

ทั้งนี้ จะยึดหลักตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของชุมชนในแต่ละพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคาร และผู้คนโดยรอบโครงการอย่างยั่งยืน (Place Making) โดยโครงการจะมีการออกแบบเพื่อการผสมผสานการใช้งาน (Mixed-Use) ที่มีพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกอยู่ในโครงการเดียวกัน

ยกตัวอย่างเช่น อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A ในย่านสุขุมวิท ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ โดยการออกแบบโครงการได้คำนึงถึงไลฟ์สไตล์และคุณภาพชีวิตของคนรุ่นใหม่ และการบริหารจัดการแบบ Solution Provider ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อาคาร เพื่อสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตและการทำงาน (Work life Balance) ได้อย่างลงตัว

จากแนวคิดการพัฒนาโครงการดังกล่าวนี้ “ดร.ประสาน” บอกว่า ได้ส่งผลให้อาคารภิรัชทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ประสบความสำเร็จ โดยได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้เช่าหลากหลายสัญชาติ รวมถึงบริษัทสัญชาติไทยมาเช่าพื้นที่เพื่อเป็นที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเช่าพื้นที่สูงกว่า 98% และมีผู้ใช้อาคารหมุนเวียนมากกว่า 8,000 คนต่อวัน จึงทำให้เป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งหนึ่งในอาคารสำนักงานย่านสุขุมวิท

“เรามุ่งพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ประเภทอาคารสำนักงาน ที่คำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ โดยทุกๆ โครงการจะใช้เวลาศึกษาข้อมูล ทำการวิจัยและลงรายละเอียดในการออกแบบโครงการอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสูงสุดของผู้เช่าและมีการบริหารจัดการ (Solution Provider) โดยมืออาชีพ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของแต่ละโครงการให้มีความโดดเด่นในแต่ละทำเล ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อผลักดันการเติบโตให้แก่กลุ่มฯ” ดร.ประสานย้ำ

พร้อมทั้งอธิบายว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีพัฒนาการมาเป็นระยะ โดยในยุคเริ่มต้น หรือ ยุค 1.0 จะเป็นการทำธุรกิจในรุ่นพ่อ มีที่ดินก็จะนิยมให้เช่าทำกิน ยุค 2.0 จะเป็นยุคการให้เช่าที่ดินพร้อมกำหนดว่าจะนำที่ดินนั้นไปทำอะไร ซึ่งในยุคนั้นก็จะนิยมสร้างเป็นอาคารพาณิชย์หรือห้องแถว ยุค 3.0 จะเป็นการลงทุนเฉพาะธุรกิจ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า

ปัจจุบันการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เดินมาถึงยุค 4.0 คือ ยุคของการพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน หรือที่เรียกว่า “Mixed-Use” ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาที่ทางกลุ่มบริษัทภิรัชบุรีกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้

 จ่อลงทุนอีก 2 โปรเจ็กต์ใหญ่ “สาทร-ลาซาล”

ดร.ประสาน ยังบอกด้วยว่า ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันกลุ่มภิรัชบุรียังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่มีความหลากหลายอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนทางธุรกิจ และตอกย้ำความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจอาคารสำนักงานที่มีสินค้าและบริการที่ตอบรับกับผู้บริโภคยุคใหม่

โดยยังมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องในรูปแบบโครงการ MixedUse และโครงการอาคารสำนักงานแนวใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรและสร้างมาตรฐานการให้บริการที่ดีที่สุด เพื่อทำให้กลุ่มบริษัทภิรัชบุรีเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาตลาดอาคารสำนักงานของประเทศไทย

สำหรับโครงการที่อยู่ในแผนการลงทุนต่อไปในอนาคตที่สรุปไปแล้วมีจำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โครงการอาคารภิรัช ทาวเวอร์ สาทร ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ BTS สุรศักดิ์ โดยจะปรับโฉมอาคารเก่า จำนวน 4 ชั้น ให้เป็นออฟฟิศแคมปัสที่ทันสมัย

และ โครงการซัมเมอร์ ลาซาล (Summer Lasalle) ตั้งอยู่ในซอยลาซาล (สุขุมวิท 105) ห่างจากรถไฟฟ้า BTS เพียงแค่ 1 กิโลเมตร โดยโครงการดังกล่าวนี้จะพัฒนาในรูปแบบของโครงการที่เป็น Mixed-Use ประกอบด้วย อาคารสำนักงานที่เป็นออฟฟิศแคมปัส เหมือนโครงการอาคารภิรัช ทาวเวอร์ สาทร ส่วนพื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม

ยึดหลักบริหารแบบ “SMART”

ดร.ประสาน ยังกล่าวด้วยว่า การบริหารและพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นนอกจากต้องทำให้ตอบโจทย์ความต้องการสูงสุดของผู้เช่าแล้ว สิ่งสำคัญที่เป็นแนวทางการลงทุนของกลุ่มภิรัชบุรีคือ “SMART

โดย S หมายถึง sustainability : ความยั่งยืน โดยยึดหลักการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน โดยประเมินความต้องการของตลาด คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน

M หมายถึง modern : ทันสมัย โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อสนับสนุน เสริมสร้าง อำนวยความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพ

A หมายถึง artistic : สร้างสรรค์ พัฒนาแนวคิดและรูปแบบที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพื่อความแปลกใหม่ และตอบสนองความต้องการ

R หมายถึง revolutionary : ปฏิวัติ บริหารการจัดการด้วยการปฏิวัติจากรูปแบบเดิมไปสู่วิธีการใหม่ โดยการเพิ่มนวัตกรรมและการใช้ความคิดสร้างสรรค์ผสานกับความทันสมัย

T หมายถึง transforming : เปลี่ยนแปลงและพัฒนา บริหารจัดการโดยการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อความเข้มแข็งและขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างเรียบง่าย มั่นคง ยั่งยืน และระมัดระวัง โดยสิ่งที่ประธานเจ้าหน้าทีบริหารกลุ่มบริษัทภิรัชบุรีได้ปลูกฝังและเน้นย้ำกับทายาทซึ่งทำหน้าที่สานต่อธุรกิจและทีมบริหารก็คือ “คอนเนคชั่น  และ คอนเนคชั่น” เพราะการทำธุรกิจแบบไม่รู้ใครเลยสุดท้ายก็จะไปไม่รอด…

 

 

ขอบคุณภาพจาก : iURBAN, Thailand Propertyntoday, Realist Blog