เนสกาแฟ เดินหน้าพันธกิจ แบรนด์ยั่งยืน สิ่งแวดล้อมยั่งยืน

1878

รู้กันหรือเปล่าว่า ..ทุกวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี คอกาแฟทั่วโลกจะได้เฉลิมฉลองวันกาแฟสากล  International Coffee Day

เมื่อมีวันกาแฟสากล ก็แน่นอนว่า แบรนด์กาแฟผู้นำในตลาดอย่าง เนสกาแฟ ก็ต้องร่วมฉลอง

เนสกาแฟ ร่วมฉลองวันกาแฟสากลครั้งแรกในปี 2561 ครั้งนั้นมีการร่วมฉลองกับคนไทยด้วยการแจกเนสกาแฟให้ดื่มกัน 1 ล้านแก้ว แต่มาในปี 2562 เนสกาแฟหันมาแจกกาแฟให้กับคนทำงานกลางคืน อย่างพนักงานกวาดถนน พนักงานเก็บขยะ  รวมทั้งมีการนำไปมอบให้กับตำรวจตะเวณชายแดนเป็นกำลังใจในการทำหน้าที่

แต่ในปีนี้ เนสกาแฟ จะร่วมฉลองวันกาแฟสากล ด้วยการประกาศพันธกิจด้านความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อม ที่เนสกาแฟระดับโลกวางเป้าหมายไว้  และสอดคล้องกับแนวคิดของผู้บริโภคชาวไทย ซึ่งมีผลการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคของกันตาร์ (Kantar) พบว่า ผู้บริโภคในปัจจุบันไม่เพียงแต่การใส่ใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น แต่ยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมโลก เพราะ พบว่า ขยะพลาสติกเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอันดับหนึ่งในประเทศไทย โดยคนไทยกว่า 63% ระบุว่า ขยะพลาสติกเป็น 1 ใน 5 อันดับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่น่ากังวล สอดคล้องกับข้อมูลของกรมมลพิษเมื่อปี 2562 พบว่า คนไทยสร้างขยะพลาสติกมากถึง 1.14 กิโลกรัม ต่อคนต่อวัน รวมทั้งมีขยะพลาสติกที่เกิดขึ้นในประเทศไทยประมาณ 27.04 ล้านตันต่อปี

พันธกิจด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ระดับโลกที่มีเป้าหมายเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดให้รีไซเคิลได้หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% ภายในปี 2568 และสอดคล้องกับแผนการจัดการขยะพลาสติก  พ.ศ. 2561-2573 ของภาครัฐอีกด้วย โดยเนสกาแฟมี 2 กลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน  ประกอบด้วย  การนำเสนอนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์สีเขียวออกสู่ตลาดเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคสายรักษ์โลกอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสร้างอนาคตที่ปลอดขยะ ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาอัพไซเคิลเป็นไอเท็มต่าง ๆ

นาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เนสกาแฟให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะอย่างยั่งยืนเป็นอันดับแรก จึงได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อโลกสีเขียวอย่างไม่หยุดยั้ง และมีเป้าหมายจะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้นำไปรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2565 โดยนำร่องจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู และกลุ่มผลิตภัณฑ์ เนสกาแฟพร้อมดื่ม ก่อนจะขยายไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ๆ

“เมื่อปีที่แล้ว เนสกาแฟได้ริเริ่มเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ภายนอกของเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิมมาเป็นบรรจุภัณฑ์กระดาษเป็นครั้งแรกของเนสกาแฟทั่วโลก เพื่อทดแทนการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกเอาใจคอกาแฟรักษ์โลก มาถึงปีนี้ โจทย์ใหญ่ของเนสกาแฟ คือ การออกแบบซองเนสกาแฟให้นำไปรีไซเคิลได้ เพราะซองกาแฟปกติเป็น Multi Structure ที่ใช้ส่วนประกอบ 3 ชนิดคือ พลาสติก PET, อลูมินเนียม  และพลาสติก PE  เพื่อเก็บรักษาคุณภาพของกาแฟที่ดีไว้ ทำให้รีไซเคิลได้ยาก แต่ปัจจุบัน เราสามารถพัฒนาซองเนสกาแฟ ด้วย  Mono Structure ส่วนประกอบเดียว)ที่สามารถย่อยสลายได้ ”

โดยทีมพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ ประเทศไทย  ร่วม มือกับทีมวิจัยและทีมวิศกรจากสวิสเซอร์แลนด์และสิงคโปร์ และบริษัทผู้ผลิตฟิล์มลามิเนตชั้นนำ พัฒนาบรรจุภัณฑ์ต้นแบบออกมากว่า 20 ต้นแบบ ใช้เวลาคิดค้นกว่า 2 ปี จึงประสบความสำเร็จในการพัฒนา ซองเนสกาแฟ โพรเทค โพรสลิมให้เป็นนวัตกรรมแบบ Mono Structure ที่ผลิตจากพลาสติก PDF  ที่สามารถกักเก็บรสชาติ กลิ่น และความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ในซองจนถึงมือผู้บริโภคและสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นครั้งแรกของโลก และใช้เป็นประเทศแรกในโลก เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งเนสกาแฟพร้อมขยายผลให้ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ  เบลนด์ แอนด์ บรูทั้งหมด ภายในไตรมาส 1 ปี 2564 เริ่มจากบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู สูตรน้ำตาลน้อยลง 25% และสูตรไม่มีน้ำตาลทราย ที่ดำเนินการไปแล้ว  และจะนำไปเผยแพร่และทดลองในเนสท์เล่ประเทศอื่น ๆ ต่อไป

นาริฐา กล่าวต่อว่า นอกจากการพัฒนาซองเนสกาแฟเพื่อโลกแล้ว เนสกาแฟ ยังมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์กลุ่มกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม เนสกาแฟ ซึ่งถือเป็นแบรนด์แรก ๆ ในตลาดที่สามารถเปลี่ยนมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียม ที่นำไปรีไซเคิลได้ 100% ทั้งหมดในเดือนตุลาคมนี้  หลังจากทยอยเปลี่ยนมาใช้กระป๋องอะลูมิเนียมใน 2 รสชาติ คือ ลาเต้ และ แบล็คไอซ์ตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา และล่าสุดคือ เอสเปรสโซ โรสต์”

ด้านกลยุทธ์การสร้างอนาคตที่ปลอดขยะ ด้วยการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วมาอัพไซเคิลเป็นไอเท็มต่าง ๆ นาริฐา กล่าวว่า เนสกาแฟมีโรดแม็ปในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟที่ใช้แล้วด้วยการนำไปอัพไซเคิล เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากพลาสติกสูงสุด  โดย แคมเปญ เนสกาแฟ เดย์ในปีนี้ จึงจะเชิญชวนคอกาแฟทั่วประเทศมาเชื่อมทุกความผูกพันภายใต้ธีม “เชื่อมทุกความผูกพัน ชงเพื่อความยั่งยืน” 

โดยการนำซองผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรูที่คอกาแฟส่งมาร่วมชิงโชคกับเนสกาแฟทุกปี ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 100 ล้านซองมาเพิ่มมูลค่าด้วยการอัพไซคลิ่งเป็นวัสดุรักษ์โลก เป็นไม้เทียม (Wood Plastic Composite- WPC) สำหรับทำเป็นโต๊ะอาหารเพื่อมอบให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 100 โรงเรียน พร้อมกับนำไปใช้ตกแต่งเนสกาแฟฮับ  ใน 2 สาขาใหม่ คือ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต และหมอชิต ก่อนจะทยอยเปลี่ยนใน 5 สาขาเดิม ได้แก่ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสชิดลม อารีย์ อนุสาวรีย์ชัย ศาลาแดง และช่องนนทรี นอกจากนี้ จะนำวัสดุอัพไซคลิ่ง จากซองเนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู มาตกแต่งในเนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ร้านกาแฟสด อีกด้วย ซึ่งจะเป็นต้นแบบของร้านเนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ เนสกาแฟ ยังมีกิจกรรมต่อยอดบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ด้วยการประกวดผลงานการสร้างสรรค์ไอเท็มใหม่ โดยได้ร่วมมือกับอาจารย์จากวิทยาลัยสารพัดช่าง ระยอง นำกระป๋องอะลูมิเนียมใช้แล้วมาสร้าง Prototype หุ่นยนต์สั่งการด้วยเสียงที่สามารถแจกตัวอย่างเครื่องดื่มได้ เพื่อให้เห็นว่า ขยะสามารถนำไปใช้ต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมได้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป

สำหรับแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ ในปีนี้ นาริฐา กล่าวว่า จะมีการเปิดตัวแคมเปญ Red Pillar 2020 ซึ่งยังคงแกนหลักของไอเดียที่ต้องการเชื่อมทุกความผูกพัน พร้อมส่งต่อสมการความผูกพันครั้งใหม่ ด้วยธีม “สมการความผูกพันที่ไม่สิ้นสุด” ตอกย้ำความเป็นแบรนด์กาแฟอันดับหนึ่งในใจคนไทยมากว่า 47 ปี พร้อมไฮไลท์ที่เชื่อมั่นว่าต้องถูกใจคอกาแฟ ด้วยการนำ 8 แบรนด์แอมบาสเดอร์เนสกาแฟ ที่ล้วนเป็นนักแสดงแถวหน้าของไทยมาร่วมแสดงในเว็บฟิล์มตัวใหม่ ซึ่งจะออนแอร์ครั้งแรกทางเฟซบุ๊กและยูทูบ เนสกาแฟในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

นาริฐา กล่าวถึงภาพรวมตลาดของเนสกาแฟในปีนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ถือเป็นช่วงที่ดีของกาแฟในบ้าน ที่มีการเติบโตถึงง 10.7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สวนทางกลับตลาดกาแฟนอกบ้าน ที่พบกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ยอดขายของเนสกาแฟ ฮับ ตกลงราว 30-40%  โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์ประเทศ ตกลงไปถึง 50%  อย่างไรก็ตามจากการนำเสนอเมนูกาแฟบ้านที่มีความหลากหลายของเนสกาแฟ ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของตลาดกาแฟบ้าน และเชื่อมั่นว่าตลอดทั้งปีนี้รายได้โดยรวมของเนสกาแฟจะเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน