ASAP บูรณาการธุรกิจรถเช่า โมเดลความสำเร็จจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ

1647

การนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือเป็นเป้าหมายของเกือบทุกบริษัทใหญ่ ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ และมองเห็นโอกาสที่จะขยายต่อ ต้องการเงินทุนก้อนใหญ่มาช่วยขยายท่อธุรกิจของตนให้ขยับขยายใหญ่โตมากขึ้น

แต่ความสำเร็จเมื่อสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ไม่ได้อยู่เพียงแค่การระดมทุนมาขยับขยายธุรกิจเท่านั้น  สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การที่บริษัทจดทะเบียนจะสามารถสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า

น้องใหม่ที่มีอายุในตลาดหลักทรัพย์ไม่ครบปีดี  อย่าง  ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ หรือ asap คือตัวอย่างที่มีเป้าหมายเดินหาความสำเร็จนั้น

บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ asap คือผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าแบบครบวงจร ทั้งรถเช่าระยะยาว รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ ภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) มายาวนานถึง 11 ปี แต่หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็เริ่มมีบริการใหม่ออกมาสร้างโอกาสให้กับธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

กลางปีที่ผ่านมา asap บริหารจัดการรถเช่า 200 คัน ที่จอดสแตนบายไว้ให้บริการลูกค้า ในกรณีที่ลูกค้ารถเช่าระยะยาวต้องการรถเพิ่ม หรือมีรถเกิดอุบัติเหตุ มาสร้างรายได้ ด้วยการพัฒนาแอพพลิเคชั่น asap GO  รถเช่าที่คิดค่าบริการตามการใช้งานจริง ให้บริการกับพนักงานองค์กร โดยการนำรถไปจอดพร้อมให้ใช้งานตามอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ 6 แห่ง และขยายเป็น 30 แห่งในสิ้นปีนี้ ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น asap GO

โดยในปีหน้า asap Go จะขยายการให้บริการไปถึงลูกค้าทั่วไป ไม่จำกัดเฉพาะพนักงานองค์กร โดยจะเปิดพื้นที่จอดรถให้บริการไปตามศูนย์การค้าต่างๆ  เพื่อรองรับลูกค้าทั่วไป เพียงโหลดแอพพลิเคชั่น asap GO และลงทะเบียนก็สามารถใช้บริการได้

และล่าสุด asap หันมาบริหารจัดการรถครบสัญญาการเช่า ด้วยการจับมือกับพันธมิตร One2Car ขายรถยนต์มือ 2 คุณภาพดีผ่านช่องทางออนไลน์

ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน)  ภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) เผยว่า บริษัทฯ ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ ไอคาร์ เอเชีย (ไทยแลนด์) เจ้าของเว็บไซต์จำหน่ายรถยนต์ทางออนไลน์ภายใต้ชื่อ One2Car เพื่อนำรถยนต์ที่ครบสัญญาการเช่าระยะยาวของ asap ไปจำหน่ายผ่านช่องทางเว็บไซต์ รองรับกับพฤติกรรมการเลือกซื้อรถยนต์มือสองของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่นิยมหาข้อมูลรถยนต์มือสองผ่านเว็บไซต์ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ จะทำให้ asap สามารถจำหน่ายรถยนต์มือสองไปถึงมือผู้บริโภคโดยตรงผ่านทางออนไลน์ จึงทำให้ asap สามารถทำราคาขายและกำไรจากการขายรถยนต์เพิ่มขึ้นอีก 15% เมื่อเทียบจากเดิมที่ต้องจำหน่ายผ่านรถยนต์ครบสัญญาเช่าผ่านการประมูล

ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) 

“ในแต่ละปี asap มีรถยนต์ครบสัญญาการเช่าที่จะทยอยนำไปจำหน่ายเป็นรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณพอร์ตรถยนต์ให้เช่าที่ขยายตัว โดยประเมินว่าในปีนี้จะมีรถยนต์ครบสัญญาเช่าไปจำหน่ายเป็นรถยนต์มืองสองได้ประมาณ 1,000 คัน และเพิ่มจำนวนถึง4,000-5,000 คัน ต่อปี ในอีก 4 ปี ข้างหน้า ซึ่งที่ผ่านมา รถยนต์ที่ครบสัญญาการเช่า จะนำออกจำหน่ายโดยการเปิดประมูล แต่ความร่วมมือกับ One2Car นี้จะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์  ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีของ asap สามารถจำหน่ายรถยนต์ที่ครบสัญญาได้ในราคาที่ดีกว่าช่องทางอื่นๆ และยังช่วยผลักดันการเติบโตที่ดีให้แก่บริษัทฯ อีกด้วย”

ทรงวิทย์ กล่าวว่า การนำรถหมดสัญญาเช่าออกจำหน่ายผ่านช่องทางขายรถมือ 2 ออนไลน์นี้ ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการรถมือ 2 ที่ลูกค้าจะได้รถยนต์คุณภาพที่ผ่านการดูแลรักษามาเป็นอย่างดี โดยมีการใช้งานตั้งแต่ 20,000 – 100,000 กิโลเมตร แต่สามารถตรวจสอบประวัติการใช้งานตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรสุดท้ายก่อนนำออกขาย ตรวจสอบประวัติการดูแลรักษารถ และการซ่อมแซม

โดยนอกเหนือจากความร่วมมือกับ One2Car ในการนำรถครบสัญญาเช่าออกจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว  ทรงวิทย์ ยังเผยถึงแผนในการเสริมการจำหน่ายผ่านช่องทางออฟไลน์  ด้วยการเปิดศูนย์ให้บริการ Asap Auto Part ที่จะเป็นทั้งศูนย์ให้บริการรถเช่า  ศูนย์จำหน่ายรถครบสัญญาเช่า และ Community Mall ขึ้นแห่งแรก บนถนนเทพรัตน์(บางนา-ตราด) กม.12  ทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ  ในปีหน้า พร้อมทั้งเปิดรับแฟรนไชส์ Asap Auto Part  ที่ตั้งเป้าไว้ 30 สาขา

“เราตั้งเป้าที่จะเปิด Asap Auto Part ตามจังหวัดในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงในอนาคต เช่น นครราชสีมา, อุดรธานี, ขอนแก่น ,พัทยา ฯลฯ โดยในปีหน้าคาดว่าจะสามารถหาแฟรนไชส์ได้ 3-4 แห่ง และพร้อมเปิดให้บริการได้ในปี 2562”

ทรงวิทย์ ตั้งเป้าหมายว่า ในปีหน้าจะสามารถจำหน่ายรถครบสัญญาเช่าผ่านทั้งช่องทางออนไลน์ One2Car และช่องทางออฟไลน์ Asap Auto Part สาขาแรก  ราว 300-400 คัน จากจำนวนรถที่ครบสัญญาเช่าราว 1,200-1,500 คัน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASAP กล่าวถึงผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ55 ล้านบาทและมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 1,036 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/60 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท และมีรายได้รวมทั้งสิ้น 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่มีรายได้รวม 403 ล้านบาท

โดยปัจจัยการเติบโตดังกล่าว มาจากมาจากขีดความสามารถด้านการให้บริการรถยนต์ให้เช่าภายใต้ แบรนด์ asap ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้ารถยนต์ให้เช่าระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นก็มีอัตราการใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ธุรกิจดังกล่าวมาถึงจุดคุ้มทุนเร็วกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้  ซึ่งจากความสำเร็จทางธุรกิจในไตรมาส 3/60 นี้ ทำให้บริษัทฯ ยังเพิ่มฟลีทจำนวนรถยนต์ให้เช่าเพื่อรองรับการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 บริษัทฯ มีจำนวนรถยนต์ให้เช่าทั้งสิ้น 9,965 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ให้เช่าระยะยาว 9,469 คัน รถยนต์ให้เช่าระยะสั้น 368 คัน และรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ 128 คัน

สำหรับในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้   ทรงวิทย์ ประเมินว่า กลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นจะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยวที่ทำให้ปริมาณการเดินทางโดยเครื่องบินและใช้บริการรถยนต์ให้เช่าเพื่อเดินทางท่องเที่ยวภายในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง asap ได้เตรียมรถยนต์ให้เช่าระยะสั้นเพิ่มอีก 100 คัน เพื่อรองรับการให้บริการในช่วงนี้ตามสนามบินทั้ง 7 แห่ง ที่ asap เปิดให้บริการ โดยถึงขณะนี้ยอดจองทั้ง 7 สนามบินในช่วงสิ้นปี เต็มหมดแล้ว ส่งผลให้เป้าหมายการเติบโตโดยรวมของบริษัทในปีนี้เป็นไปตามเป้า

และพร้อมสู่การเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยการบูรณาการธุรกิจ สร้างรายได้สูงสุดตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ จากรถเช่าจนถึงรถมือ 2 ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป