ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท หรือ กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้รับโอนทรัพย์สินของกองทุนรวม ‘PPF’ สุทธิรวมกว่า 2,000 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของ ‘AIMIRT’ กับธุรกรรมครั้งสำคัญและครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตลาดรีทในประเทศไทย ที่มีการควบรวมและแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ ข้ามค่ายมารวมกับ รีทอิสระ ด้านกองทุนรวม ‘PPF’ เดินหน้าขั้นตอนปิดกองทุนและชำระบัญชี เตรียมกระจายหน่วยทรัสต์และเงินสดที่ได้รับจากกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ให้ผู้ถือหน่วยลงทุน
![](https://www.362degree.com/wp-content/uploads/2024/06/อมร-จุฬาลักษณานุกูล-.jpg)
อมร จุฬาลักษณานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้รับโอนทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวม ‘PPF’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อแลกเปลี่ยนกับทรัพย์สินและภาระของกองทุนรวม ‘PPF’ ที่ได้โอนให้แก่กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ดังกล่าว ผู้จัดการกองทรัสต์ได้ออกหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ให้แก่กองทุนรวม ‘PPF’ จำนวน 196,019,335 หน่วยทรัสต์ พร้อมเงินสดจำนวน 168,382,500 บาท ตามอัตราการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ‘PPF’ กับหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ (Swap Ratio) ที่ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวม ‘PPF’ ต่อ 0.8731 หน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ พร้อมเงินสดจำนวน 0.7500 บาทต่อ 1 หน่วยลงทุนของกองทุนรวม ‘PPF’ ถือเป็นการปิดดีลการควบรวมและแปลงสภาพกองทุนรวม ‘PPF’ เข้ารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้สำเร็จตามแผน โดยธุรกรรมในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ในฐานะรีทอิสระรายแรกและรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีนโยบายการลงทุนที่เปิดกว้าง สามารถเลือกลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพได้อย่างเป็นกลาง และสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้นักลงทุน ซึ่งกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้ผ่านบทพิสูจน์มาแล้วจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มต้นจาก IPO ที่ 2,140 ล้านบาทในปี 2561 จนตอนนี้หลังจากควบรวมกองทุนรวม ‘PPF’ สำเร็จ มูลค่าทรัพย์สินรวมเติบโตขึ้นจนแตะ 13,000 ล้านบาท โดยขนาดกองทรัสต์ที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างมีคุณภาพ ส่งผลให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพสูงขึ้นในหลากหลายด้าน
![](https://www.362degree.com/wp-content/uploads/2024/05/จรัสฤทธิ์-อรรถเวทยวรวุฒิ-.png)
ด้าน จรัสฤทธิ์ อรรถเวทยวรวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นในการมองเห็นศักยภาพของทรัพย์สินของกองทุนรวม ‘PPF’ และการเล็งเห็นโอกาสในการประหยัดค่าธรรมเนียมและภาษีในการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาฯ ที่ได้รับจากภาครัฐซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2567 นี้ ตลอดช่วงระยะเวลากว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ มุ่งมั่นและพยายามในการทำให้ดีลนี้สำเร็จได้ตามแผน แม้จะมีความท้าทายในหลากหลายด้าน เพราะเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ รวมถึงผู้ถือหน่วยของกองทุนรวม ‘PPF’ การควบรวมทรัพย์สินของกองทุนรวม ‘PPF’ เข้ามาช่วยเสริมจุดแข็งของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ในหลากหลายด้าน โดยเฉพาะในแง่ของการกระจายตัวของพอร์ตทรัพย์สินไปในโซน EEC และการมีสัดส่วน Freehold ที่เพิ่มสูงขึ้นจาก 60% เป็น 67% ซึ่งแน่นอนว่าจะช่วยเสริมความมั่นคงในระยะยาวของรายได้และผลตอบแทนของกองทรัสต์ได้เป็นอย่างดี และถือเป็นอีกหนึ่ง Strategic Move ที่สำคัญในด้านการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มปิ่นทอง ซึ่งเป็นมืออาชีพที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการทรัพย์สินต่อไป นอกจากนี้สำหรับผู้ถือหน่วยของกองทุนรวม ‘PPF’ การย้ายมาอยู่ในแพลตฟอร์มของรีทช่วยปลดล็อคข้อจำกัดในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งข้อจำกัดหนึ่งที่สำคัญ คือ โอกาสในการเติบโตผ่านการลงทุนเพิ่มในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ ซึ่งในปัจจุบันกองทุนรวมอสังหาฯ ไม่สามารถทำได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ และลดความเสี่ยงจากการลงทุนในทรัพย์สินประเภทเดียว
![](https://www.362degree.com/wp-content/uploads/2024/05/ธนาเดช-โอภาสยานนท์-.jpg)
ธนาเดช โอภาสยานนท์ กรรมการผู้จัดการร่วม บริษัท เอไอเอ็ม รีท แมนเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อดีและประโยชน์ที่ได้จากสำหรับธุรกรรมการควบรวมกองทุนรวม ‘PPF’ ผ่านการแปลงสภาพกองทุนรวม ‘PPF’ เข้ามารวมกับกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนจากการที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากนักลงทุนทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี ด้วยผลโหวตอนุมัติที่เป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 100% เต็มจากผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ และ 99% จากผู้ถือหน่วยของกองทุนรวม ‘PPF’ ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการรักษาความสมดุลของผลประโยชน์ของผู้ถือหน่วยทั้งสองฝั่ง นอกเหนือจากข้อดีทางด้านการเติบโตและกระจายตัวของพอร์ตทรัพย์สินตามที่กล่าวมา การควบรวมทรัพย์สินของกองทุนรวม ‘PFF’ เข้ามา ยังทำให้กองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จัดโครงสร้างเงินทุนได้ดีขึ้น และจะก่อให้เกิดเสถียรภาพในการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ ได้เป็นอย่างดี
โดยในขั้นตอนต่อไปกองทุนรวม ‘PPF’ จะเริ่มดำเนินการแบ่งหน่วยทรัสต์ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ พร้อมเงินสดให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ‘PPF’ ที่มีชื่อปรากฏในทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน และคาดว่าหน่วยทรัสต์ที่ออกใหม่ของกองทรัสต์ ‘AIMIRT’ จะเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 12 มิถุนายน 2567 และหน่วยลงทุนของกองทุนรวม ‘PPF’ จะถูกเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันเดียวกัน