โอสถสภา’ โชว์ผลงานไตรมาส 1/67 ทำกำไรจากการดำเนินงานปกติพุ่ง 73.2% กำไรสุทธิ 828 ล้านบาท

625

‘บมจ. โอสถสภา (OSP)’ โชว์ศักยภาพการดำเนินธุรกิจไตรมาส 1/2567 ทำผลงานเติบโตต่อเนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล ทำรายได้จากการขาย 7,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.9% จากปีก่อน (YoY) เพิ่มขึ้น 11.2% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และมีกำไรสุทธิตามรายงาน 828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% YoY และ 91.5% QoQ ซึ่งหากพิจารณากำไรจากการดำเนินงานปกติ (core business) เติบโตอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 73.2% YoY และเพิ่มขึ้น 39.9% QoQ สะท้อนขีดความสามารถและศักยภาพเหนือคู่แข่งทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากการบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตที่ดี หนุนการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอัตรากำไรขั้นต้น ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 46.4% โดยมีแบรนด์ ‘เอ็ม-150’ ครองอันดับ 1 อย่างแข็งแกร่ง และแบรนด์ ‘ซี-วิท’ เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์

รติพร ราษฎร์เจริญ Group Chief Financial Officer  บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปีนี้ว่า บริษัทฯ เติบโตโดดเด่นทั้งในด้านรายได้และผลกำไรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและไตรมาสก่อน ตอกย้ำศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งของโอสถสภา ด้วยกลยุทธ์ความหลากหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ (Brand Portfolio) ช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่งและกลยุทธ์การตลาดที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศเติบโต 11.9% YoY โดยมีแบรนด์ ‘เอ็ม-150’ ครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลัง และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค โดยล่าสุดได้เปิดตัว M-150 Sparkling Energy Drink เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลส์ที่ต้องการความสดชื่นระหว่างวันในการทำกิจกรรมตามไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ผ่านการทำการตลาดในรูปแบบที่แตกต่าง จนได้รับกระแสตอบรับที่ร้อนแรงและเป็นที่พูดถึงในสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแบรนด์ ‘ซี-วิท’ เป็นผู้นำตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์และเครื่องดื่มผสมวิตามินซีที่มีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 42.9% ประกอบกับแบรนด์ ‘เปปทีน’ และ ‘คาลพิส แลคโตะ’ ที่เติบโตอย่างโดดเด่น ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลเติบโตขึ้น 8.7% จากกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งของแบรนด์ ‘เบบี้มายด์’ ซึ่งเป็นผู้นำตลาดทั้งสบู่อาบน้ำเด็กและแป้งเด็ก ส่วนตลาดต่างประเทศ ‘โอสถสภา’ เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ทำยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 1 ปี 2567 มียอดขายเติบโต 23.1% โดดเด่นที่สุดในรอบ 5 ปี ด้วยการบริหารจัดการเชิงรุก การทำกิจกรรมการตลาดที่แข็งแกร่งในเมียนมาร์และสปป.ลาว ตลอดจนการเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค แม้ต้องเผชิญกับปัจจัยภายนอกที่ท้าทายในหลายๆ ด้าน

ส่วนแผนดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2 บริษัทฯ จะยังคงขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มุ่งรักษาความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มบำรุงกำลังด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด โดย ‘เอ็ม-150’ ได้จับมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับ เวิร์คพอยท์ ส่งพลังและกำลังใจช่วยปลดหนี้ให้แก่คนไทยผ่านแคมเปญ “ปลดหนี้ทุกวัน หมื่น แสน ล้าน” การผนึกกำลังกับ การีนา ประเทศไทย ร่วมสนับสนุนการแข่งขันเกม RoV หรือ Arena of Valor เกมมือถือที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในไทยและระดับโลก ทั้งยังเป็นเกมอันดับ 1 ที่มีการแข่งขันอีสปอร์ตในระดับมืออาชีพ (Pro-league) ในประเทศไทย การคว้าตัวดูโอชาวเกาหลีใต้ขวัญใจคนไทย “พี่จอง-คัลแลน” มาเป็นพรีเซนเตอร์สปาร์คพลังความซ่ากับเครื่องดื่ม M-150 Sparkling Energy Drink ไปจนถึงการผลักดันแคมเปญ “#ไม่มีลิมิตชีวิตโคตรซิ่ง” ภายใต้กลยุทธ์ มิวสิกมาร์เก็ตติ้ง ที่เป็นจุดแข็งของแบรนด์ เพื่อต้อนรับฤดูกาลขายสินค้าในช่วงหน้าร้อน รวมถึงเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลภายใต้แบรนด์ ‘เบบี้มายด์’ อาทิ เบบี้ มายด์ รีแลกซ์ซิ่ง ลาเวนเดอร์ ออร์แกนิก ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ทั้งเพอร์ซัลนัลแคร์และโฮมแคร์ ที่มีจุดเด่นด้านความหอมผ่อนคลาย สามารถตอบโจทย์คุณแม่ คุณลูก รวมถึงคนวัยทำงาน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว

วรรณิภา ภักดีบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถดำเนินการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มุ่งผลักดันการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลัก ควบคู่กับการพิจารณาจำหน่ายเงินลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก รวมถึงเงินลงทุนที่โอสถสภามีสัดส่วนการถือหุ้นส่วนน้อยหรือไม่มีอำนาจควบคุม ตลอดจนการขยายการลงทุนในต่างประเทศ และการบริหารจัดการประสิทธิภาพการดำเนินงานในทุกมิติ นำไปสู่การยกระดับศักยภาพและขีดความสามารถการแข่งขันในทุกด้าน และขับเคลื่อนการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน สะท้อนความสำเร็จจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในไตรมาสแรกของปีนี้  และโอสถสภายังได้รับการยอมรับและยกย่องให้เป็น “Industry Mover” หรือ บริษัทที่มีการพัฒนาทางด้านความยั่งยืนโดดเด่นที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มทั่วโลก ในรายงาน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2024 อีกด้วย  

โอสสถสภามุ่งมั่นสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อส่งมอบผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้น และมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นพลังเพื่อชีวิตที่ยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย