บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ลุยต่อแผน KUBOTA NET ZERO EMISSION มุ่งมั่นสร้างโลกเกษตรที่ยั่งยืน ขยายองค์ความรู้เกษตรปลอดการเผา สู่นโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรสุทธิเป็นศูนย์ จับมือหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของจังหวัดเลย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ “เมืองเลย เมืองต้นแบบปลอดการเผาสู่ Net Zero Emission” เป็นจังหวัดที่ 11 ดึงองค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร แก้ปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในภาคการเกษตร ตลอดจนบริหารจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พร้อมกันนี้ได้มอบแทรกเตอร์เพื่อสนับสนุนการทำแนวกันไฟป่าให้แก่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงในภารกิจพิชิตไฟป่าและ PM 2.5
วราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นประเด็นภาวะโลกร้อน สภาพอากาศแปรปรวน ไปจนถึงมลพิษในอากาศอย่าง “ฝุ่นละออง PM 2.5” ซึ่งพบว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการเผาในที่โล่งไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าหรือพื้นที่การเกษตร สยามคูโบต้าจึงได้ดำเนินกิจกรรมโซลูชันเกษตรปลอดการเผาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อรณรงค์และพัฒนากระบวนการผลิตโดยวิธีการทำเกษตรปลอดการเผา ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่วัสดุเหลือใช้หลังการเก็บเกี่ยว เช่น ฟางข้าว ตอซังข้าว และใบอ้อย ด้วยการนำเอานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและองค์ความรู้ด้านการเกษตร ภายใต้องค์ความรู้ KUBOTA (Agri) Solutions เกษตรครบวงจร มาปรับใช้”
ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563 ได้จัดกิจกรรมรณรงค์และสัมมนาโครงการฯ รวมถึงดำเนินการจัดลงนามความร่วมมือโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) ไปแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดราชบุรี จังหวัดเชียงราย จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดสุโขทัย และจังหวัดหนองคาย ส่งผลให้ลดจุดการเผาในภาคการเกษตรในจังหวัดที่เข้าร่วมโครงการได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังสร้างรายได้และคืนสุขภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้พี่น้องเกษตรกร สยามคูโบต้าจึงได้ต่อยอดความสำเร็จมายังจังหวัดเลยเป็นจังหวัดที่ 11 ทั้งนี้เรามุ่งหวังยกระดับโครงการเกษตรปลอดการเผา (Zero Burn) สู่เป้าหมายKUBOTA NET ZERO EMISSION มุ่งมั่นสร้างโลกเกษตรที่ยั่งยืน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคการเกษตรสุทธิเป็นศูนย์ อย่างไรก็ดียังมีการเร่งศึกษาทดลองนวัตกรรมและเทคโนโลยี และโซลูชันการเกษตรต่างๆ เพื่อทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น และนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้สยามคูโบต้าและร้านค้าผู้แทนจำหน่ายคูโบต้า โดย ธนากร ชินสุทธิประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัทร่วมใจมอเตอร์เซลส์จำกัด ยังได้มีส่วนร่วมในภารกิจพิชิตไฟป่าและผลกระทบจากไฟป่าโดยเฉพาะฝุ่นPM2.5 โดยได้มอบแทรกเตอร์ L4018DT(VT) พร้อมอุปกรณ์ต่อพ่วง 2 คัน เพื่อสนับสนุนการทำแนวกันไฟป่าให้แก่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
ด้าน อนุพงษ์ คำภูแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า “ในช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนของทุกปีจังหวัดเลยจะมีสภาพอากาศแห้งแล้งเอื้อต่อการเกิดไฟไหม้ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่า และพื้นที่ทำการเกษตร จากการจุดไฟเผาเพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก เผาเศษที่หลงเหลือจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร ทำให้จังหวัดเลยเผชิญกับสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่จังหวัดเลยสูงถึง 2,262 จุด ในขณะเดียวกันมีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ อีกทั้งยังสร้างความสูญเสียแก่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน มูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งทัศนียภาพในการท่องเที่ยว ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว จังหวัดจึงกำหนดให้ “พื้นที่ทุกหมู่บ้านในเขตจังหวัดเลยเป็นเขตควบคุมไฟป่า โดยกำหนดมาตรการควบคุมไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเลย ประจำปี พ.ศ. 2567
จังหวัดเลย มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทาง บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เล็งเห็นความสำคัญในการดำเนินโครงการและคัดเลือกจังหวัดเลยในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินโครงการ Net Zero Emission โดยได้มีข้อตกลงร่วมกันที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีเจตนารมณ์เดียวกัน ในการรณรงค์และส่งเสริมให้เกษตรกรตระหนักถึงความสำคัญของเกษตรปลอดการเผา ตลอดจนผลักดันนโยบายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ภายใต้แนวคิด “เมืองเลย เมืองต้นแบบปลอดการเผาสู่ Net Zero Emission”
อย่างไรก็ตามสยามคูโบต้ายังคงมุ่งมั่นผลักดันแนวคิดเกษตรปลอดการเผาสู่การสร้าง “เมืองต้นแบบปลอดการเผาสู่ Net Zero Emission” ด้วยการขยายพื้นที่ความร่วมมือของโครงการฯ ในปี 2567 เพิ่มอีก 2 จังหวัด ได้แก่จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสระบุรี นอกจากนี้ยังมีการผลักดันองค์กรและสินค้าของคูโบต้าให้เป็นองค์กรที่มีนโยบายเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหาแนวทางการแก้ไขประเด็นเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50% ภายในปี 2573 พร้อมขยายผลให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission ภายในปี 2593 สอดรับกับเป้าหมายแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยและเพื่อดำเนินตามนโยบายคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ในการมุ่งสู่แบรนด์ชั้นนำระดับโลกหรือ Global Major Brand (GMB)