บล. เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ชี้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวทั้งภาคการผลิตและภาคบริการ พร้อมประเมินว่าน่าจะเป็นจุดที่เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนผ่านพ้นจุดที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว มองเป็นโอกาสในการกลับมาสะสมหุ้นที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนที่มีโมเมนตัมกำไรไตรมาส 1 และ 2 โดดเด่น และราคายังอยู่ในจุดที่น่าสนใจ
ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจีนในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา สะท้อนสัญญาณการฟื้นตัวในภาคการผลิต ขณะที่ภาคบริการและการบริโภคในประเทศก็ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่เรียกความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจจีนกลับมา หนุนมุมมองตลาดปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจจีนปีนี้อยู่ที่ระดับ +4.84% ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดปัญหาภาคอสังหาฯ ของจีนในปีที่ผ่านมา และในขณะเดียวกันหากพิจารณาโครงสร้างตลาดหุ้นจีนที่พึ่งพาการบริโภคและภาคบริการในสัดส่วนที่ค่อนข้างมาก จึงเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่การฟื้นตัวกลับมารอบนี้น่าจะเป็นจุดสิ้นสุดการปรับลดประมาณการณ์อย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของธีมการลงทุน “หุ้นไทยตอบรับบวกจีนฟื้นตัวเร็วกว่าคาด” และประเมินว่าหุ้นที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนทั้งจาก 1) การบริโภค และ 2) การกลับมาเร่งลงทุน จะเป็นหุ้นเด่นที่น่าสนใจในช่วงระยะเวลา 3-6 เดือน ข้างหน้า ในขณะเดียวกันปัจจัยในการพิจารณาเลือกหุ้นยังให้น้ำหนักโมเมนตัมกำไรช่วง ไตรมาส 1-2 ปี 2567 บวกกับทิศทางราคาที่ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจเข้าซื้อลงทุนในช่วงนี้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนเผชิญกับความเสี่ยง จากภาคอสังหาฯที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา จนกระทบต่อความเชื่อมั่นและส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงแรง ในขณะเดียวกันทางการจีนก็เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจและมีมาตรการเรียกความเชื่อมั่นในหุ้นมาต่อเนื่อง รวมทั้งช่วยเหลือตลาดอสังหาฯ
ในช่วงปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวแต่ยังค่อนข้างกระจุกตัวในภาคบริการ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสำคัญ นำโดย 1) ยอดค้าปลีก 2) ดัชนี PMI และ 3) ดัชนี Caixin PMI ภาคบริการ ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น แต่ในทางกลับกัน ภาคการผลิตยังคงมีความไม่แน่นอนสูง สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ผันผวนและพลิกกลับมาต่ำกว่าระดับ 50 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความยังไม่เชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในช่วงการประชุมสภาประชาชนในช่วงต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ทางการจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2567 ที่ระดับ +5.0% แต่ในทางกลับกันมุมมองของตลาด (พิจารณาจาก Bloomberg Consensus) ในช่วงเวลาเดียวกัน คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงแค่ระดับ +4.6% สะท้อนความยังไม่เชื่อมั่นต่อมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาภาคอสังหาฯ
อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจภาคการผลิตมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ทั้งจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง YoY และดัชนี PMI ที่กลับมายืนเหนือระดับ 50 ผสานกับการแก้ปัญหาภาคอสังหาฯที่เดินหน้าควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางการจีนเองไม่ได้มีแนวทางในการช่วงพยุงบริษัทที่ประสบปัญหา แต่เน้นแก้ปัญหาและให้ความช่วยเหลือในวงกว้างมากกว่า
ดังนั้น น่าจะทำให้ตลาดค่อยๆปรับมุมมองทางเศรษฐกิจดีขึ้นเรื่อยๆตลอดทั้งปีนี้ บวกกับความเชื่อมั่นที่กลับมาด้วยการขับเคลื่อนจากนโยบายภาครัฐภายในประเทศ หนุนทั้งกลุ่มการลงทุนทางตรง การท่องเที่ยว และการค้าระหว่างประเทศ ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีนโดยตรงกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
หลักทรัพย์เมย์แบงก์ จึงแนะนำหุ้นที่ได้รับผลเชิงบวกจากเศรษฐกิจจีน ได้แก่
· WHA (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5.50 บาท) เศรษฐกิจจีนที่เริ่มฟื้นตัวเป็นปัจจัยบวกต่อการเร่งการลงทุนรอบใหม่ดีต่อ WHA ที่มีสัดส่วนยอดขายพื้นที่นิคมใน EEC มากที่สุดในอุตสาหกรรม ด้านกำไรปี 67E ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน
· MINT (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 36.0 บาท) เศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจะเป็นปัจจัยหนุนต่อธุรกิจโรงแรมของ MINT ทั้งในยุโรปและไทย โดยคาดกำไรปี 67E ขยายตัวเด่น 113%YoY
· ICHI (ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 20.0 บาท) กำไร 1Q-2Q67E มีโอกาสเติบโต QoQ/YoY จากยอดขายในประเทศหนุนจากอากาศร้อนและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากจีนที่ 4M67 กลับมามีสัดส่วนสูงสุด 19%