ในโลกที่ศิลปะคือภาษาสากล เชื่อมโยงผู้คนจากแต่ละวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน กลายเป็นภาพสะท้อนแห่งจินตนาการอันไร้ขอบเขต ทุกคนล้วนสามารถสร้างสรรค์และสัมผัสศิลปะได้ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดทางร่างกายเพียงใด ดังเช่นผู้พิการทางสายตาที่แม้ตาจะมองไม่เห็นแสงสี แต่จินตนาการอันเปี่ยมล้นในตัวพวกเขาก็ยังสามารถรังสรรค์ผลงานศิลป์ออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์
เพราะเล็งเห็นถึงพลังแห่งศิลปะที่ไร้ขีดจำกัดนี้ ยูโอบี ประเทศไทย ในฐานะผู้สนับสนุนวงการศิลปะ จึงได้ดำเนินโครงการ “UOB Please Touch ศิลปะสัมผัสได้” มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 9 ปี เพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านศิลปะและสร้างโอกาสให้ทุกคนในสังคมได้เข้าถึงศิลปะ แม้แต่ผู้พิการทางสายตา โดยมีอาสาสมัครจากธนาคารยูโอบีทำหน้าที่เสมือน ‘ดวงตา’ คอยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนผู้พิการทางสายตาในกระบวนการทำงานศิลปะร่วมกัน
ธรรัตน โอฬารหาญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารสื่อสารและภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ยูโอบีมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมงานศิลปะ เราต้องการเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงความงดงามของศิลปะ ไม่ว่าจะมีข้อจำกัดทางร่างกายมากน้อยเพียงใด นี่คือเจตนารมณ์หลักที่อยู่เบื้องหลังโครงการ UOB Please Touch ศิลปะสัมผัสได้ของเรา เพราะศิลปะไม่เพียงช่วยขยายจินตนาการและปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ในตัวทุกคน รวมถึงผู้พิการทางสายตาด้วย หากยังช่วยให้พวกเขาได้ค้นพบคุณค่าและศักยภาพในตัวเอง ทำให้พวกเขารู้ว่าถึงแม้จะมีข้อจำกัดบางประการ แต่พวกเขาก็สามารถมอบสิ่งดี ๆ ให้แก่ผู้อื่นได้เช่นกัน ผ่านการสร้างสรรค์งานศิลปะนี้”
ในปี 2556 โครงการ UOB Please Touch ได้จัดกิจกรรมวาดลวดลายบนรองเท้าผ้าใบเพื่อส่งมอบความสุขให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนในพื้นที่ห่างไกลต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 “ก้าว” แห่งรอยยิ้ม นี้เริ่มต้นจากการมอบชุดอุปกรณ์ศิลปะ “UOB Please Touch Art Kit” ให้กับโรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศ 11 แห่ง เปิดโอกาสให้นักเรียนผู้พิการทางสายตาได้ร่วมเป็นศิลปินตัวน้อยโดยใช้จินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ออกแบบลวดลายบนรองเท้าผ้าใบนักเรียนจำนวน 1 ข้าง ขณะที่อาสาสมัครของธนาคารยูโอบีจะออกแบบและวาดลวดลายอีก 1 ข้าง ให้เข้ากัน เกิดเป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ก่อนจะส่งมอบให้น้องๆ ใน 4 โรงเรียนที่ห่างไกลในจังหวัดเชียงใหม่
อาสาสมัครจากธนาคารยูโอบีถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนี้ โดยในปีนี้มีจำนวนอาสาสมัครสูงถึง 159 คน ร่วมอุทิศเวลารวมกันกว่า 636 ชั่วโมง เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ทางศิลปะอันมีคุณค่า นายสุรศักดิ์ชนะ หนึ่งในอาสาสมัครของยูโอบี กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการร่วมกิจกรรมว่า “ในฐานะเด็กต่างจังหวัดผมเข้าใจดีว่าเด็กบางคนไม่มีโอกาสได้ใส่รองเท้าผ้าใบ โครงการนี้จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการเล่นกีฬาซึ่งจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้ชีวิตและเติบโตขึ้น”
ด.ญ. มีนญาดา (น้องมีน) อายุ 12 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ เผยความรู้สึกว่า “หนูชอบชอบวาดรูปอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ยิ่งสนุกมากขึ้นที่ได้วาดร่วมกับพี่ๆ จากธนาคารยูโอบีหนูชอบสีพาสเทลมาก จึงอยากวาดรองเท้าเป็นท้องฟ้า ข้างหนึ่งเป็นท้องฟ้ายามเย็นที่มีสีชมพูอมส้มพาสเทลอีกข้างเป็นช่วงเวลาเย็นๆ ยามค่ำคืน หนูรดีใจมากที่รองเท้าที่หนูออกแบบไว้จะได้ไปถึงเพื่อนๆ ในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลน เพื่อให้พวกเขาได้เล่นกีฬาแทนหนูที่ไม่ถนัด”
น้องเมือง หนึ่งในนักเรียนกลุ่มแรกที่กำลังจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 6 จากศูนย์การเรียนไร่ส้มวิทยา ผู้ได้รับรองเท้าผ้าใบคู่พิเศษจากโครงการในปีที่ผ่านมา กล่าวว่า “ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้รับรองเท้าผ้าใบจากโครงการนี้ มันเท่มากๆ ไม่เหมือนใคร ผมใส่รองเท้าคู่นี้ตลอดเวลา ทั้งตอนเล่นกีฬาและมาโรงเรียน ถึงตอนนี้รองเท้าจะเริ่มคับแล้ว แต่ผมก็ยังคงใส่อยู่ครับ”
นับตั้งแต่ปี 2558 โครงการ UOB Please Touch ประสบความสำเร็จในการมอบโอกาสทางศิลปะและประสบการณ์ล้ำค่าให้แก่ผู้พิการทางสายตามากกว่า 3,000 คน ซึ่งสะท้อนผ่านเสียงตอบรับเชิงบวกจากทั้งเด็กนักเรียน ครู และอาสาสมัคร รองเท้าผ้าใบที่ถูกส่งมอบในโครงการจึงมิใช่แค่รองเท้าธรรมดา หากแต่เปี่ยมไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงการแบ่งปัน ความเท่าเทียม และพลังของศิลปะที่ก้าวข้ามขีดจำกัดทางร่างกาย รองเท้าผ้าใบคู่พิเศษเหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนตระหนักถึงความงดงามของศิลปะที่ไร้ขอบเขต และส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่าในความแตกต่าง อันจะนำไปสู่การสร้างสังคมแห่งความเข้าใจและเสมอภาค
พนักงานอาสายูโอบีคือพลังสำคัญที่ขับเคลื่อนโครงการเพื่อสังคมของธนาคารได้ดำเนินไปได้ จำนวนพนักงานอาสาที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของพนักงานของเราที่สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กรในการยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมและสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” ธรรัตน กล่าว