บมจ.แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น (BKGI) ผู้นำเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทย ที่ให้บริการถอดรหัสพันธุกรรมครอบคลุมทุกช่วงอายุ – ราคาเข้าถึงได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พร้อมระดมทุนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และเตรียมขายไอพีโอ 160 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.67% ภายในไตรมาส 1/67 รองรับแผนขยายธุรกิจการแพทย์จีโนมิกส์ สอดรับเมกะเทรนด์โลก
![](https://www.362degree.com/wp-content/uploads/2024/02/คุณสมภพ-กีระสุนทรพงษ์-_011.jpg)
สมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของบริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) ประเมินว่า BKGI จะสามารถเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.67% และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาส 1/2567
“BKGI จะเป็นหุ้นธุรกิจเทคโนโลยีไบโอเทครายแรกของไทย ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (SET) และเป็นบริษัทฯ ที่มีความน่าสนใจ โดยบริษัทฯ นำเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกลุ่ม BGI ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำการถอดรหัสพันธุกรรมของโลก มาใช้ในการให้บริการ ทำให้ผลการวิเคราะห์ต่างๆ ของบริษัทฯ มีความแม่นยำสูง นอกจากนี้ ธุรกิจของบริษัทฯ อยู่ในอุตสาหกรรมสุขภาพ ซึ่งอยู่ในเมกะเทรนด์ ถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคต ที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เพราะสังคมไทยอยู่ในยุคสังคมผู้สูงวัยเต็มรูปแบบ และที่สำคัญจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมถึงโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นทำให้คนทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการดูแลใส่ใจสุขภาพมากขึ้น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะทำให้ชื่อเสียงขององค์กร และแบรนด์ของ BKGIเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังช่วยเสริมฐานทุนให้มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต“ สมภพ กล่าว
![](https://www.362degree.com/wp-content/uploads/2024/02/ดร.เสาวลักษณ์-ด่านสกุล_CEO_2.jpg)
ดร.เสาวลักษณ์ ด่านสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แบงคอกจีโนมิกส์อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (BKGI) ผู้ประกอบกิจการห้องปฏิบัติการ และให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ กล่าวว่า การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในครั้งนี้ บริษัทฯเตรียมนำเงินที่ได้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนการขยายธุรกิจ การแพทย์จีโนมิกส์ (Genomics) หรือการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิต เพื่อให้เข้าใจกลไกของชีวิตเชิงลึก ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคทางพันธุกรรม รวมทั้งการวางแผนดูแลสุขภาพชีวิต เพื่อป้องกันและรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ การให้บริการตรวจพันธุกรรมของ BKGI เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ครอบคลุมทุกช่วงอายุในราคาที่เข้าถึงได้ โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเตรียมความพร้อมก่อนการสมรส และช่วงระหว่างตั้งครรภ์โดยการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดมารดา ภายใต้แบรนด์ “NIFTY” และการตรวจคัดกรองพาหะของโรคทางพันธุกรรม ภายใต้แบรนด์ “VISTA” เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์และการมีบุตร และการตรวจคัดกรองสำหรับทารกแรกเกิด ภายใต้แบรนด์ “NOVA” รวมถึงบริการตรวจคัดกรองอื่นๆ ที่สามารถตรวจได้ทุกช่วงวัย ภายใต้แบรนด์ “BGI-Xome” และการตรวจวิเคราะห์รหัสพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ภายใต้แบรนด์ “DNALL” เพื่อนำข้อมูลรหัสทางพันธุกรรมมาวิเคราะห์ในด้านต่างๆ เช่น การพยากรณ์ความเสี่ยงของโรคทางพันธุกรรม และการวางแผนการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นต้น ครอบคลุมไปจนถึงวัยชราที่สามารถทำการตรวจคัดกรองยีนส์ที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็ง ภายใต้แบรนด์ ”SENTIS” และการตรวจคัดกรองยีนส์ที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรงระยะเริ่มต้น ภายใต้แบรนด์ “COLOTECT” เป็นต้น
“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯในครั้งนี้ นอกเหนือจากนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนขยายธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตอย่างก้าวกระโดดแล้ว เป้าหมายหลักของ BKGI คือการยกระดับมาตรฐานองค์กร สามารถตรวจสอบได้ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงลูกค้าที่มาใช้บริการของเรา ซึ่งมีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล”
สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยเจริญพันธุ์ จำนวน 157.59 ล้านบาท คิดเป็น 84.06% ของรายได้จากการให้บริการ เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นอัตราการเติบโต 31.71% เนื่องจากในปี 2565 ได้มีการทำการตลาดเกี่ยวกับการบริการมากขึ้น ส่งผลให้บริการดังกล่าว เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดรายได้ในส่วนนี้เติบโตขึ้นจากเดิม โดยในงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 25.51 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 13.29%
ทั้งนี้ BKGI ประกอบธุรกิจห้องปฏิบัติการ และให้บริการการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ การตรวจวิเคราะห์ สังเคราะห์สารชีวภาพ ควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้อง รวมถึงประกอบกิจการสถานพยาบาล ห้องปฏิบัติการและให้บริการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งได้รับอนุญาตเป็นสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
โดยลักษณะการประกอบธุรกิจ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจการให้บริการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ 1) การตรวจคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ 2) การตรวจวิเคราะห์กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น การตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อก่อโรคโควิด-19 และการตรวจภูมิคุ้มกัน 3) การตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่ การตรวจคัดกรองกลุ่มยีนที่มีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง และการตรวจคัดกรองโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมอื่นๆ และ 4) การให้บริการงานด้านเทคโนโลยี
2. ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อื่นๆ (Other Products) อาทิ ชุดอุปกรณ์สำหรับการเก็บสิ่งส่งตรวจ น้ำยาตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 และน้ำยาตรวจภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 และชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจความผิดปกติทางพันธุกรรมแบบครบวงจร เป็นต้น รวมทั้งในอนาคต จะมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ให้กับลูกค้าที่ใช้บริการถอดรหัสทางพันธุกรรมเฉพาะบุคคลอย่างละเอียด ตามคำแนะนำของแพทย์