แกร็บ เผยอินไซต์ฟู้ดเดลิเวอรี-ควิกคอมเมิร์ซ ชู 6 เทรนด์มาแรง สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน

1556

แกร็บ ประเทศไทย เผยอินไซต์ผู้ใช้บริการเดลิเวอรีผ่านรายงาน “เทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้านปี 2566” (Food & Grocery Trend Report 2023) โดยได้ศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรีและการสั่งสินค้าควิกคอมเมิร์ซผ่านแพลตฟอร์ม พร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการทั่วประเทศ พบ 6 เทรนด์มาแรง โดยเฉพาะเทรนด์ออมนิคอมเมิร์ซ (Omnicommerce) ที่ผู้บริโภคหันมาใช้แพลตฟอร์มเดลิเวอรีในการเชื่อมต่อพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น สะท้อนผ่านบริการกินที่ร้าน (Dine-in) และรับเองที่ร้าน (Self Pick-Up) ที่เติบโตขึ้นกว่า 23 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2564 เผย “ส้มตำปูปลาร้า” และ “กาแฟ” ครองแชมป์เมนูสุดฮิตแห่งปีด้วยยอดสั่งกว่า 4.4 ล้านออเดอร์และ 4.6 ล้านแก้วผ่าน GrabFood ขณะที่ “ไข่ไก่” และ “น้ำดื่ม” ยังคงเป็นฮอตไอเท่มที่ถูกสั่งมากที่สุดผ่าน GrabMart

จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “ปี 2566 ถือเป็นปีที่เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรมของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเราเริ่มเห็นผู้บริโภคมีการผสมผสานการใช้ชีวิตนอกบ้านเข้ากับพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและพัฒนาบริการเพื่อให้สามารถตอบรับกับพฤติกรรมและบริบทที่เปลี่ยนไป สำหรับแกร็บ เราได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการพัฒนาบริการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเราได้เปิดตัวหลายฟีเจอร์ใหม่ อาทิ กินที่ร้าน (Dine-in) ที่ครอบคลุมตั้งแต่การค้นหาและรีวิวร้านอาหาร ไปจนถึงการนำเสนอดีลส่วนลดสำหรับการทานอาหารนอกบ้าน ขณะเดียวกันยังได้เน้นโปรโมตฟีเจอร์รับเองที่ร้าน (Self Pick-up) ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ โดยพบว่ายอดการสั่งซื้อของทั้งสองบริการเติบโตขึ้นกว่า 23 เท่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของซูเปอร์แอปที่มีการพัฒนาและเป็นมากกว่าผู้ให้บริการจัดส่งอาหารหรือสินค้าเท่านั้น”

ทั้งนี้ แกร็บได้จัดทำรายงาน เทรนด์การสั่งอาหารและของใช้ในบ้าน ปี 2566” เพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้บริการเดลิเวอรี ทั้งการสั่งอาหารและการซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน พร้อมสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการแกร็บใน 6 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทย โดยพบเทรนด์ที่สำคัญในประเทศไทย คือ

  • เทรนด์ออมนิคอมเมิร์ซ (Omnicommerce) มาแรง: ผู้บริโภคมีการใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหารเพื่อเชื่อมต่อกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ซึ่งสะท้อนผ่าน 2ฟีเจอร์ที่มาแรง นั่นคือ รับเองที่ร้าน (Self Pick-up) และ กินที่ร้าน (Dine-in) โดยมียอดสั่งซื้อจากทั้งสองฟีเจอร์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตขึ้นกว่า 23 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564  ขณะที่ฟีเจอร์รับเองที่ร้านมียอดใช้บริการในไตรมาส 2 ของปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ 5 โอกาสที่ผู้ใช้บริการนิยมไปทานอาหารนอกบ้าน คือ เพื่อเฉลิมฉลองโอกาสพิเศษ ทานอาหารกับครอบครัว พบปะเพื่อนฝูง ออกเดท และทานมื้อเที่ยงกับเพื่อนร่วมงาน 
  • การสั่งอาหารแบบกลุ่ม  (Group Order) ครองใจหนุ่มสาวออฟฟิศ:  อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในปีที่ผ่านมาคือการสั่งอาหารแบบกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานออฟฟิศที่มักใช้ฟีเจอร์นี้สั่งอาหารกลางวันมาทานร่วมกันในที่ทำงาน โดยในปีนี้มียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 1.8 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว  และผู้ใช้บริการมียอดใช้จ่ายต่อออเดอร์เพิ่มขึ้นถึง 2.2 เท่า 
  • แอปพลิเคชันสั่งอาหารกลายเป็นช่องทางสำคัญในการค้นหา (Search): จากผลสำรวจผู้ใช้บริการพบว่า แอปพลิเคชันสั่งอาหารถือเป็นช่องทางที่คนไทยนิยมใช้ในการค้นหาร้านอาหารมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง (71%) สูงกว่าช่องทางโซเชียลมีเดียหรือแม้แต่เว็บไซต์เสิร์ชเอ็นจิน ขณะที่ 95% ของผู้ใช้บริการแกร็บเลือกค้นหาร้านอาหารหรือร้านค้าใหม่ๆ เพื่อทดลองใช้บริการผ่านเมนูเสิร์ชบนแอปพลิเคชัน Grab
  • เรตติ้งและรีวิว (Rating & Review) มีอิทธิพลต่อการลองร้านใหม่: การได้รับคะแนนเรตติ้งที่ดีและมีรีวิวในเชิงบวกมีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายผ่านช่องทางเดลิเวอรีให้กับร้านอาหารเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเรตติ้งและรีวิวกลายเป็นหนึ่งในสามปัจจัยหลักที่คนไทยใช้ประกอบการตัดสินใจเมื่อต้องการลองสั่งอาหารจากร้านที่ไม่เคยสั่งมาก่อน เพราะช่วยการันตีความนิยมและสร้างความมั่นใจในด้านรสชาติอาหารและบริการของร้านนั้นๆ
  • แพ็กเกจสมาชิก (Subscription Package) ยังคงได้รับความนิยมและเติบโตต่อเนื่อง: ปัจจุบันผู้ใช้บริการแอปพลิเคชันหันมาสมัครแพ็กเกจสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเพื่อรับส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่มากกว่า โดยเฉพาะในกลุ่ม Heavy User หรือผู้ที่มียอดใช้จ่ายสูง โดยผู้ใช้แพ็กเกจสมาชิก GrabUnlimited มียอดใช้จ่ายต่อเดือนเพิ่มขึ้นกว่าปกติถึง 2.6 เท่า และมีความถี่ในการใช้บริการต่อเดือนเพิ่มขึ้นถึง 2.1 เท่า
  • ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจรักษ์โลก (Environmentally conscious): คนไทยกว่า 36% ยินดีที่จะจ่ายราคาที่สูงขึ้นเพื่อสนับสนุนแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม ขณะที่กว่า 97% มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนแบรนด์ที่มีนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้ใช้บริการแกร็บที่เข้าร่วมกิจกรรมชดเชยคาร์บอน (Carbon Offset) เพิ่มมากขึ้น 1.7 เท่า ผ่านกาาบริจาคเงิน 1 บาทในทุกการสั่งอาหารหรือสินค้าเพื่อนำไปใช้ปลูกต้นไม้

นอกจากนี้แกร็บยังได้เผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสั่งอาหารและการสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันของผู้ใช้บริการในประเทศไทยตลอดทั้งปีที่ผ่านมา โดยพบว่า

พฤติกรรมการสั่งอาหารผ่าน GrabFood:

  • 5 เมนูที่ผู้ใช้บริการนิยมสั่งมากที่สุดตลอดทั้งปี คือ ส้มตำปูปลาร้า กาแฟดำ ชาเขียวเย็น ลาบหมู ชาไทย
    • ส้มตำปูปลาร้า กลายเป็นเมนูสุดฮิตแห่งปี โดยมีออเดอร์รวมทั้งปีสูงถึงกว่า 4.4 ล้านจาน  
    • กาแฟ ยังคงเป็นเครื่องดื่มขายดีตลอดกาล  ซึ่งในปีนี้มียอดสั่งรวมทั้งสิ้นมากกว่า 4.6 ล้านแก้ว
    • อาหารวีแกน คือเมนูที่มาแรงที่สุด โดยมีออเดอร์เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • เมนูท้องถิ่นยอดนิยมในแต่ละภาค ประกอบด้วย
    • ภาคเหนือ: ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอยไก่ ไส้อั่ว 
    • ภาคกลาง: กาแฟเย็น คอหมูย่าง ข้าวมันไก่ 
    • ภาคอิสาน: ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู คอหมูย่าง
    • ภาคใต้: ชาชัก ข้าวหมกไก่ ไก่ทอด   
  • 5 เมนูขายดีในช่วงปีใหม่ คือ พิซซ่า หมาล่า ไก่ทอด แซนวิช และเบอร์เกอร์

พฤติกรรมการสั่งซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันผ่าน GrabMart: 

  • 5 สินค้ายอดนิยมที่ผู้ใช้บริการสั่งตลอดทั้งปี คือ ไข่ไก่ น้ำดื่ม ผักสด นม และน้ำแข็ง
    • ตลอดปีที่ผ่านมา มียอดสั่งไข่ไก่ไปแล้วกว่า 10 ล้านฟอง และ น้ำดื่มกว่า 9 ล้านขวด 
    • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว คือสินค้าที่มาแรงที่สุด โดยมีออเดอร์เพิ่มขึ้นถึง 5 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
  • 5 สินค้าขายดีในช่วงปีใหม่ คือ กระเช้ารังนก ดอกไม้ เซ็ตผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและเครื่องสำอาง ไอศกรีม และ ขนมขบเคี้ยว