‘บมจ.แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี’ (AIT) ตอกย้ำศักยภาพการบริหารงาน มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโต 15% หรือแตะ 7.4 พันล้านบาท พร้อมส่งซิกผลงานในไตรมาส 1/2565 มีแนวโน้มเติบโตตามเป้าหมายที่กำหนด หลังทิศทางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในช่วงปี 2564–2566 เติบโตเฉลี่ย 10.5% พร้อมเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานไม่ต่ำกว่า 1,900 ล้านบาท ย้ำการเข้ามาของพันธมิตรสะท้อนความเชื่อมั่น ไม่กระทบโครงสร้างบริหาร
ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ผู้นำธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2565 คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนด หลังทิศทางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในปี 2565 มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยภาครัฐและภาคเอกชนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านเทคโนโลยี รวมถึงการบูรณาการของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น หลังเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลต่อวิถีการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภค ส่งผลให้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นจุดเชื่อมต่อการทำงาน และต้องพึ่งพาการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้รายได้ของธุรกิจบริการดิจิทัลและซอฟต์แวร์ มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 10.5% ต่อปี ในช่วงปี 2564–2566
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าบริหารงานอย่างแข็งแกร่งด้วยศักยภาพของผู้บริหารและทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจของ AIT ให้เติบโตแข็งแกร่ง โดยคงเป้าหมายรายได้ปี 2565 เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือ คิดเป็นรายได้ 7,400 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นตลาดด้าน Cloud Platform, Big Data Analytics, SDN, Cyber Security, และ IOT เพิ่มเติมจากธุรกิจขายระบบโครงสร้างพื้นฐาน ICT ต่างๆ โดยข้อมูลบริษัทล่าสุด ณ วันที่ 1 เมษายน 2565 AIT มีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท จาก Backlog ที่มีอยู่ มั่นใจว่ารายได้เป็นไปตามเป้า
นอกจากนี้มีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้า (Waiting for P/O) อีกประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานจากภาครัฐเป็นหลัก และอยู่ระหว่างการเสนอราคา (Bidding in process) อีกประมาณ 1,900 ล้านบาท บริษัทฯ ยังคงเน้นเข้าร่วมประมูลงาน ภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ตามแผนการลงทุนด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ โดยมีคาดว่าจะเข้าร่วมประมูลงานไม่ต่ำกว่า 6,800 ล้านบาท
“ผมยังคงยึดมั่นในการบริหารงานบริษัทอย่างเต็มกำลัง พร้อมทำหน้าที่แม่ทัพเพื่อผลักดันให้ AIT เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ซึ่งด้วยศักยภาพดังกล่าว ทำให้มีพันธมิตรใหม่ๆ รวมถึงนักลงทุนให้ความสนใจ เข้ามาถือหุ้น AIT เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การเข้ามาดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด” ศิริพงษ์ กล่าว