บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต รายงานผลการดำเนินธุรกิจปี 2564 เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง มูลค่าธุรกิจใหม่ (NBV) เติบโต 30% เบี้ยประกันรับปีแรก (ANP) เติบโต 4% สะท้อนการดำเนินกลยุทธ์ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพ และการออกแบบผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพและสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างดี
โทมัส วิลสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานปี 2564 อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เติบโตได้ต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความท้าทายมากมาย โดยสามารถสร้างผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ 3.2 หมื่นล้านบาท เติบโตที่ 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกเติบโต 4% อยู่ที่ 6.1 พันล้านบาท โดยมาจากช่องทางตัวแทน 2.4 พันล้านบาท เติบโต 7.2% ช่องทางขายผ่านธนาคาร 2.1 พันล้านบาท เติบโต 28% ในขณะที่ ช่องทางขายตรงเติบโตลดลง 18% อยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท”
ปี 2564 ยังเป็นปีที่ดีมากจากการสร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตถึง 30% อยู่ที่ 2.76 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายประกันสุขภาพสูงโดยเป็นหนึ่งในบริษัทมีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับยอดขายประกันทั้งหมดของบริษัท และยอดขายประกันประเภทสะสมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น เราสามารถคงอัตราเงินสำรองได้สูงกว่าตามที่กฎหมายกำหนด โดยเฉลี่ยตลอดปีที่ผ่านมาประมาณ 300% ลูกค้าจึงมั่นใจได้ถึงสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งของบริษัท สามารถให้ความคุ้มครองลูกค้าได้ในทุกสภาวะการณ์
“ผลงานทั้งหมดนี้ พิสูจน์ความสำเร็จของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุกช่องทางการขาย คงความเป็นผู้นำในผลิตภัณฑ์คุ้มครองสุขภาพและสะสมทรัพย์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า และการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง สำหรับในปี 2022 เราจะยังคงยึดมั่นในข้อตกลงตามสัญญาที่ได้ให้แก่ลูกค้าและพร้อมที่จะเคียงข้างลูกค้าในทุกเงื่อนไขชีวิต” โทมัส กล่าว
ขณะเดียวกัน กลุ่มอลิอันซ์ ผู้ถือหุ้นหลักของ บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ได้รายงานผลประกอบการปี 2564 มีรายได้เพิ่มขึ้น 6% อยู่ที่ 1.485 แสนล้านยูโร (ประมาณ 5.7 ล้านล้านบาท) และผลกำไรจากการดำเนินงานที่สูงเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 1.34 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 5.13 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 25% จากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย มีรายได้เพิ่มขึ้น 5% อยู่ที่ 6.23 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท) เป็นผลจากกระบวนการอนุมัติการรับประกันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยังทำให้กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 31% อยู่ที่ 5.7 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.18 แสนล้านบาท) ถึงแม้ว่าจะมีเหตุภัยธรรมชาติเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงดีต่อเนื่อง เป็นผลมาจากวินัยในการอนุมัติการรับประกันและการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ กลุ่มอลิอันซ์ก็สร้างผลกำไรในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน กำไรจากผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15% อยู่ที่ 5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.91 แสนล้านบาท) เป็นผลมาจากการบริหารเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ยังสามารถสร้างการเติบโตจากธุรกิจใหม่ได้ถึง 45% อยู่ที่ 2.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 9.6 หมื่นล้านบาท) จากยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นและกำไรที่มากขึ้นด้วย ทำให้บริษัทส่งต่อความเป็นเลิศและศักยภาพในการทำธุรกิจให้กับทีมงานและบริษัทในเครือได้
ในด้านของการบริหารสินทรัพย์ มูลค่าพอร์ตการลงทุนโดยเฉลี่ยมีมูลค่าสูงขึ้นถึง 9% อยู่ที่ 2.6 ล้านล้านยูโร (99.5 ล้านล้านบาท) และจากการดูแลบริหารต้นทุนได้ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้นถึง 22% อยู่ที่ 3.5 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.34 แสนล้านบาท)
ด้าน โอลิเวอร์ เบเทอร์ ซีอีโอของอลิอันซ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “นอกจากความท้าทายในปีที่แล้ว อลิอันซ์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวและปรับตัว บริษัทในเครือข่ายระดับโลกของเรากำลังเติบโต โดยจะเห็นได้จากผลกำไรจากการดำเนินการที่สูงเป็นประวัติการณ์ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของมูลค่าของธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ผลกำไรที่เพิ่มสูงอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงประสิทธิผลการทำงานที่ดีขึ้น”
*อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2564 1 ยูโร = 38.28 บาท