บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC เดินหน้าปรับโครงสร้างธุรกิจพลั
ศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ เมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา มีมติให้นำเสนอผู้ถือหุ้นพิ
- อนุมัติการจำหน่ายหุ้น 100% ที่ถืออยู่ในบริษัท โซล่า พาวเวอร์ แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (SPM) ให้แก่ บริษัท บีจี เอ็นเนอร์ยี่ โซลูชั่น จำกัด (BGE) เพื่อแลกกับหุ้นสามัญเพิ่มทุ
นของ BGE จำนวน 7.5 ล้านหุ้น หรือ 27.27% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้ งหมดของ BGE - อนุมัติการจำหน่ายหุ้นจำนวน 2.02 ล้านหุ้น หรือ 7.35% ที่ถืออยู่ใน BGE ให้แก่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) (BG) ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินจำนวนกว่า 600 ล้านบาท และคงเหลือสัดส่วนถือหุ้นในธุ
รกิจด้านพลังงานผ่าน BGE ที่ 19.93% - อนุมัติให้ SPM ทำสัญญากู้ยืมเงินจาก BGE วงเงินไม่เกิน 270 ล้านบาท เพื่อให้ SPM มีเงินทุนในการชำระเงินกู้ยื
มเดิมและดอกเบี้ยค้างชำระ “หลังจากที่เราได้ปรับโมเดลธุ
รกิจยกระดับจากผู้ผลิตและจำหน่ ายบรรจุภัณฑ์แก้ว สู่ Total Packaging Solutions ด้วยการนำเสนอบริการบรรจุภัณฑ์ แบบครบวงจร (One stop service) ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์แก้ว พร้อมฉลาก ฝา และกล่องกระดาษ บริษัทฯ จึงมุ่งขยายการลงทุนในธุรกิจด้ านบรรจุภัณฑ์เป็นหลัก นำมาซึ่งการปรับโครงสร้างธุรกิ จด้านพลังงานในครั้งนี้” ศิลปรัตน์ กล่าว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวต่อว่า บริษัทฯ เตรียมนำเงินที่ได้จากการจำหน่
ายหุ้น BGE และได้รับคืนเงินกู้ยืมจาก SPM มาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวี ยนในการประกอบกิจการหลัก และชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้ นบางส่วนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ นับจากเดือนมกราคมที่ผ่านมาถึ งปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ขยายการลงทุนในธุรกิจบรรจุภั ณฑ์และลงทุนเตาหลอมแก้วแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท ได้แก่ การเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟิล์ มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม และเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ กระดาษ ใช้งบลงทุนรวมประมาณ 1,650 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จเป็นที่ เรียบร้อย ส่วนการลงทุนก่อสร้
างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ในจังหวั ดราชบุรี ใช้งบลงทุน 1,600 ล้านบาท และลงทุนขยายกำลังผลิตโรงงานจั งหวัดปราจีนบุรี ใช้งบลงทุนรวม 910 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 ซึ่งทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้ นอีกกว่า 13% เป็น 3,935 ตันต่อวัน จากปัจจุบันอยู่ที่ 3,495 ตันต่อวัน นอกจากนี้ ได้ขยายกำลังการผลิตถุงบรรจุภั
ณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) เพื่อตอบสนองความต้องการถุ งบรรจุภัณฑ์ในประเทศที่มีอั ตราการเติบโตสูงและขยายฐานลูกค้ าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงต่อยอดเข้าสู่ธุรกิ จกลางน้ำ เพื่อผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ พลาสติกชนิดอ่อน โดยใช้งบลงทุนกว่า 180 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการไตรมาส 1/2565 และผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ ายในไตรมาส 1/2566 “จากการที่รัฐบาลได้ผ่
อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ให้รั บประทานอาหารภายในร้านอาหารได้ บางส่วน ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับผลดีจากการจำหน่ ายขวดบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ มและน้ำดื่มเพิ่มขึ้น และถ้าสถานการณ์ยังดีอย่างต่ อเนื่อง เราคาดว่ารัฐบาลจะทยอยผ่ อนคลายมาตรการล็อกดาวน์อย่างต่ อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งจะทำให้เกิดการจัดกิจกรรมต่ าง ๆ ในช่วงปลายปีและกระตุ้นการจับจ่ ายใช้สอยยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่ อผลประกอบการของบริษัทฯ ในปีนี้ ที่จะมีรายได้และกำไรเติบโตกว่ าปีก่อน” ศิลปรัตน์ กล่าว