บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น หรือ STARK พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี ชูอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% และ 3.90% ต่อปี ฟากทริสเรทติ้งจัดอันดับความน่
ประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ผู้นำด้านการผลิตสายไฟฟ้
สำหรับหุ้นกู้ STARK เปิดให้จองซื้อในระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2564 แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ กำหนดจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ผู้ออกหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดั
- ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) – เสนอขายเฉพาะต่อผู้ลงทุนสถาบั
นเท่านั้น - ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819 โดยบุคคลธรรมดาจองซื้
อทางออนไลน์ผ่านhttps://www. kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่ และสาขา) - ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) 1428 กด#4
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) โทร. 02-658-5050
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอเชีย เวลท์ จำกัด โทร. 02-207-2113
สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้
ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบั นทางการเงินหรือบริษัทในกลุ่ม รวมถึงใช้ชำระคืนตั๋วแลกเงิ นและหุ้นกู้ของบริษัทในกลุ่ม และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวี ยนในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่าการเสนอขายหุ้นกู้ครั้
งแรกครั้งนี้ จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่ เชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุ รกิจของบริษัทฯ ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิ จสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลมามากกว่ า 50 ปี มุ่งเน้นการใช้นวั ตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสู งในการผลิตสินค้าที่มีคุ ณภาพและความปลอดภัยในระดับโลก ทำให้เป็นที่ยอมรับทั้งในภูมิ ภาคและทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ ประกอบกับในปัจจุบันสถานการณ์ เศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรั สโควิด 19 ทำให้นักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้ นกู้เพื่อรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ ยอย่างสม่ำเสมอในระยะยาว และถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่ าเงินฝาก โดยหลังจากนี้ บริษัทฯ วางแผนงานและกลยุทธ์ที่จะสร้
างการเติบโตอย่างมั่นคง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้ านการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวั นออกเฉียงใต้ และมีเป้าหมายมุ่งสู่ผู้ผลิ ตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลขึ้นสู่ ระดับ Top Ten ของโลก จากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 14 สะท้อนให้เห็นว่า STARK เป็นหนึ่งในผู้ผลิตสายไฟฟ้ าขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติ บโตสูง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK กล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษั
ทฯ คือการลงทุนเข้าซื้อกิจการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ วและแข็งแกร่งตลอดในช่วงปี 2562-2563 โดยหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลั กทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดื อนกรกฎาคม 2562 แล้ว บริษัทฯ ได้เดินหน้าเข้าซื้อกิจการเพื่ อต่อยอดการเติบโต ส่งผลทำให้สินทรัพย์ของบริษัทฯ เติบโตอย่างรวดเร็วโดยเพิ่มขึ้ นเป็น 2.73 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2563 จากเดิมอยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2562 เพื่อสร้างความแข็งแกร่ งในการเป็นผู้นำธุรกิจผลิ ตสายไฟฟ้าและยังเดินหน้าเพิ่ มความหลากหลายของธุรกิจ นอกจากนี้ การซื้อกิจการของบริษัทผู้ผลิ
ตสายไฟฟ้าในประเทศเวียดนามยัง ช่วยเสริมให้ขี ดความสามารถในการแข่งขันของบริ ษัทฯมีความแข็งแกร่งอย่างมีนั ยสำคัญ โดยช่วยขยายขนาดของธุรกิจให้ ใหญ่ขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งยังช่วยเพิ่มความหลากหลายด้ านโรงงานผลิตและฐานการตลาดอีกด้ วย ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของอุ ปสงค์ด้านสายไฟฟ้าในประเทศเวี ยดนามนั้น มีทิศทางที่ดี หลังจากที่ได้ประเมินความต้ องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่มีอั ตราการเติบโตเฉลี่ยประมาณปีละ 10-11% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตสายไฟฟ้
าในประเทศไทยและประเทศเวี ยดนามโดยมีกำลังการผลิตรวมกั นสำหรับสายไฟฟ้าชนิดตั วนำทองแดงมากกว่า 130,000 เมตริกตัน และสำหรับสายไฟฟ้าชนิดตัวนำอลู มิเนียมมากกว่า 100,000 เมตริกตัน ซึ่งทำให้สามารถผลิตสายไฟฟ้าที่ มีความหลากหลายที่สุดในบรรดาผู้ ผลิตสายไฟฟ้าในประเทศไทย ตั้งแต่สายไฟฟ้าเปลือย สายไฟฟ้าแรงดันต่ำ ไปจนถึงสายไฟฟ้าแรงดันสูงพิเศษ และบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลิตในประเทศเพี ยงรายเดียวที่สามารถผลิตสายไฟฟ้ าแรงดันสูงพิเศษซึ่งมีแรงดั นมากกว่า 230 กิโลโวลต์ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ STARK ในการซื้อกิจการจึงไม่ใช่แค่ผู้ ผลิตสายไฟฟ้าในต่างประเทศเท่านั้ น แต่ยังรวมไปถึงบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของธุรกิ จผลิตสายไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ ยวข้องกับไฟฟ้าอีกด้วย