TPIPP มั่นใจกำไรปี 2564 จะสูงกว่าปี 2563 หลังการติดตั้งหม้อต้มน้ำเพิ่มเติมแล้วเสร็จปลายปี 2563 และพร้อม COD ในต้นปี 2564 ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องปั่นไฟ (Utilization Rate) สูงขึ้น พร้อมยืนยันว่าการซ่อมโรงปูนไม่ส่งผลกับกำไรมากนัก ชี้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้สูงกว่าผลงานในไตรมาส 1 แสดงให้เห็นว่า การล็อคดาวน์ไม่กระทบต่อผลประกอบการ ทั้งนี้ยังเตรียมความพร้อมการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าขยะตามจังหวัดต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาล และเดินหน้าพัฒนาโครงการ “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” เพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ
ภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในปี 2564 จะดีกว่าในปี 2563 เนื่องจากว่า บริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้สูงขึ้นหลังจากการติดตั้งหม้อต้มน้ำเพิ่มเติมแล้วเสร็จในปี 2563 ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2563 ทางบริษัทฯ แจ้งว่าการที่โรงปูนของทีพีไอโพลีนฯ มีการปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำไรมากนัก เนื่องจากรายได้และกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทฯมาจากการขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยในไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้จากโรงไฟฟ้ารวม 2,877.7 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก กฟผ. 2,239.4 ล้านบาทคิดเป็นประมาณร้อยละ 78 รายได้จาก บมจ.ทีพีไอโพลีน 629.8 ล้านบาทคิดเป็นประมาณร้อยละ 22 และอื่น ๆ 8.5 ล้านบาทไม่ถึงร้อยละ 1 และในไตรมาส 3 ปี 2563 บริษัทฯบันทึกกำไรสุทธิจากโรงไฟฟ้า (ก่อนรวมอัตราแลกเปลี่ยน) อยู่ที่ 1221.5 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรจาก กฟผ.คิดเป็นประมาณร้อยละ 95.5 กำไรจากบมจ.ทีพีไอโพลีนคิดเป็นประมาณร้อยละ 4.5 และอื่น ๆ ไม่ถึงร้อยละ 1
“ปี 2564 เราจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอีกเนื่องมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ตามที่บริษัทฯได้เคยสัญญามาตลอดในปีที่แล้ว (2562) ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตถือเป็นการเติบโตในระยะสั้นของพวกเรา ซึ่งปีหน้าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้การเติบโตในระยะกลาง หรือการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะต่าง ๆ และการเติบโตในระยะยาว เรื่องโครงการ “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” หรือ Giga Project ก็มีความคืบหน้ามาตลอดตามลำดับ” ภัคพล กล่าว
ภัคพลได้กล่าวต่อถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564-2566 ว่า ทางบริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะตามจังหวัดต่าง ๆ ตามนโยบายของภาครัฐ ในขณะนี้ทางบริษัทฯได้ติดตามความคืบหน้า 12 โครงการรวม 143 เมกกะวัตต์ โดยมี 2 โครงการที่มีความชัดเจนแล้วคือ โครงการในจังหวัดสงขลา (8 เมกกะวัตต์หรือมากกว่า) โครงการในจังหวัดโคราช (9.9 เมกกะวัตต์) โดยในทั้งสองโครงการคาดว่าจะได้ COD ในช่วงปี 2566 ในส่วนของโครงการในจังหวัดสระบุรี (40 เมกกะวัตต์) นั้น ทางบริษัทฯคาดว่าจะ COD ได้ช่วงต้นปี 2565 สำหรับ 9 โครงการที่เหลืออยู่ ยังต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปี 2564 ทั้งหมด
“ปัจจุบันทางบริษัทฯมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับทาง กฟผ.อยู่ 3 สัญญา รวม 163 เมกกะวัตต์ และในปี 2565-2566 จะมีการ COD โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะเพิ่มเติม ซึ่งโครงการทั้งหมดยังไม่ได้รวมการพัฒนาโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งได้มีมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2563 อนุมัติให้ตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 3,700 เมกกะวัตต์ขึ้น โดยเป็นโรงไฟฟ้า 1,700 เมกกะวัตต์จากก๊าซธรรมชาติ (LNG) และ 2,000 เมกกะวัตต์ จากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ในโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เสนอตามนโยบายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะเริ่มทำรายได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า” ภัคพล กล่าว