“anitech LAB+SERIES” จากมาตรฐานปลั๊กไฟ สู่การสร้างมาตรฐานสินค้าดูแลสุขภาพเพื่อคนไทย

867

แนวคิดในการแตกไลน์ธุรกิจ ถือเป็นเรื่องปรกติของการทำธุรกิจ  ไม่ว่าจะเห็นโอกาสทางธุรกิจ หรือเป็นการกระจายความเสี่ยงให้กับธุรกิจโดยรวม แต่ส่วนใหญ่ธุรกิจที่แตกไลน์ออกไปมักจะเชื่อมโยง หรือไม่หนีไปจากธุรกิจเดิมเท่าไรนัก เช่น บริษัทน้ำอัดลม ขยายไลน์ไปผลิตสแน็ก หรือ บริษัทบรรจุภัณฑ์กระดาษ ขยายไปทำบรรจุภัณฑ์พลาสติก

แต่สำหรับการขยายไลน์ธุรกิจของบริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป  เจ้าของสินค้าอุปกรณ์ไฟฟ้าและไอที แบรนด์ แอนิเทค ที่แตกไลน์ธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย อาจสร้างความสงสัยว่า จากสินค้าไอที ไปสู่สินค้าด้านสาธารณสุข จะเกี่ยวกันหรือเชื่อมโยงกันอย่างไร 

โธมัส พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ภายใต้สโลแกน  “anitech : Bring Happiness To Life ของบริษัท คือความตั้งใจที่ต้องการจะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้เต็มไปด้วยความสุขและความสะดวกสบาย ด้วยการมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม โดยผลิตภัณฑ์ปลั๊กไฟแอนิเทค ที่จำหน่ายไปแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ที่ได้ใช้สินค้าคุณภาพที่มีการรับประกันความเสียหายจากการใช้งานสินค้ากลุ่มปลั๊กไฟมูลค่าสูงสุดในทวีปเอเชีย เป็นจุดเริ่มต้นให้ตลาดมีการสร้างมาตรฐานสินค้า และช่วยให้สถิติไฟไหม้บ้านจากปลั๊กไฟลดน้อยลง

แต่การสร้างคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย  ไม่ได้มีแค่การสร้างความสุข  และคงทำไม่ได้ด้วยสินค้าเพียงอย่างเดียว สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จึงได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ “แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์” (anitech LAB+ SERIES) เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยให้ผ่านสถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้และครั้งต่อ ๆ ไป

“เราพบว่าประเทศไทยที่ได้รับการยกย่องจากนานาประเทศว่าเป็นศูนย์กลางของการรักษาพยาบาล แต่กลับไม่มีสินค้าด้านสุขอนามัยเป็นของตนเอง สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป ที่มีแนวคิดในการเป็นบริษัท Innovation Base ที่ไม่ได้มีเพียงเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสินค้าไอทีเท่านั้น  แต่ยังรวมถึงสินค้าที่ตอบโจทย์ชีวิตวิถีใหม่แบบ New Normal ที่ความต้องการสินค้าเพื่อสุขอนามัยมีอยู่สูง แต่ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีความสงสัยในคุณภาพของสินค้าที่มีอยู่ในตลาดว่ามีมาตรฐานหรือไม่ ขณะเดียวกัน ก็ยังมีความกังวลในการใช้พื้นที่สาธารณะ ต้องอยู่ใกล้ชิดกับผู้มีอัตราเสี่งสูง ว่า อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่มีวิวัฒนาการซับซ้อนมากขึ้น  ซึ่งหากเจ็บป่วยค่ารักษาพยาบาลก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น”

โธมัส พิชเยนทร์ กล่าวว่า การพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ ได้ตระหนักถึงปัญหาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการเข้าถึงสินค้ากลุ่มสุขภาพและสุขอนามัยที่มีอยู่ในท้องตลาด จึงได้ริเริ่มทำการวิจัยและพัฒนาร่วมกับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 2 ปี ต่อยอดทรัพย์สินทางปัญญาสู่สินค้านวัตกรรมเพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต ซึ่งจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคหันมาใส่ใจในการรักษาสุขอนามัยของตนเองมากขึ้น ทำให้ต้องเร่งการผลิตและเริ่มทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ให้พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของตลาดมากที่สุด นอกจากนี้ได้มีการลงทุนทางการตลาด การรับประกันความปลอดภัย การเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย เพื่อรองรับการขยายฐานลูกค้า ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าแอนิเทคสามารถทำธุรกิจแบบข้ามอุตสาหกรรมได้อย่างมืออาชีพ เพิ่มโอกาสการเติบโตของธุรกิจแบบก้าวกระโดด

แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ นับเป็นแบรนด์แรกที่มีสินค้าหลากหลายครอบคลุมทุกหมวดหมู่ ตั้งแต่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคลและครัวเรือน (personal and home care) อาทิ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค, น้ำยากำจัดไรฝุ่น, กลุ่มอุปกรณ์ดูแลสุขอนามัยและสุขภาพ (health and hygiene devices) เช่น เครื่องทำน้ำยาอิเลคโทรไลต์  และสุดท้าย กลุ่มอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (personal protective equipment) เช่น หน้ากาก KN95 เป็นต้น รวมกว่า 40 รายการ ซึ่งเป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่กล้ารับประกันความเสียหายสูงสุด 50,000 บาทต่อทั้งร่างกายและทรัพย์สินในทุกตัวสินค้า

โดยสินค้ากลุ่มสุขอนามัยส่วนบุคคล ในประเทศไทย มีการสำรวจพบว่า มีมูลค่าราว 17,262 ล้านบาท และมีการเติบโตปีละ 5%1  ซึ่งตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ ได้เริ่มจำหน่ายสินค้าในกลุ่มแอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ จนถึงปัจจุบันมียอดขายรวมทั้งสิ้นกว่า 30 ล้านบาท และมั่นใจว่าสิ้นปี 2563 นี้ จะสามารถปิดยอดขายกลุ่มสินค้าใหม่นี้ได้ไม่ต่ำกว่า 45 ล้านบาท หรือ 13% จากยอดขายรวมทั้งปี กว่า 350 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนหน้ากว่า 10% นับได้ว่าเป็นกลยุทธ์เสริมแกร่งธุรกิจด้วยการส่งกลุ่มสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ช่วยให้ผลประกอบการปีนี้ดีกว่าปีที่ผ่านมาในสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว

สำหรับปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวม 400 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายตลาดของสินค้ากลุ่มแอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ ให้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถปิดยอดขายกลุ่มสินค้าน้องใหม่ไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท และในอีก 5 ปีข้างหน้า ยอดขายสินค้ากลุ่มนี้จะสามารถถือครองอัตราส่วน 30% ของผลประกอบการรวม หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 240 ล้านบาท

ในด้านของผลิตภัณฑ์กลุ่ม แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ บริษัทฯ ตั้งเป้าผลักดันให้ขึ้นเป็นแบรนด์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขอนามัยอันดับ 1 โดยภายในปี 2565 สามารถสร้างยอดขายแตะ 100 ล้านบาท เป็น “แบรนด์แรก” ของไทย และบริษัทฯ ยังได้เตรียมทุ่มงบการตลาด ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท สำหรับผลักดันให้เกิดการเติบโตของแบรนด์ โดยจะเน้นการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร พร้อมกับจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายต่างๆ ทั่วประเทศทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อสร้างความผูกพันและความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมสร้างปรากฏการณ์ “ทุกที่ต้องมีแอนิเทค” ทั่วประเทศไทย

ผลิตภัณฑ์กลุ่ม แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ พร้อมจำหน่ายแล้วทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงทาง official store ของแอนิเทคที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลาที่ www.anitechonline.com

“แบรนด์ในวันนี้ไม่มีกรอบ แม้เราจะใช้แบรนด์แอนิเทค แต่ก็ไม่ได้อยู่ในตลาดสินค้าเทคโนโลยีเท่านั้น  แต่เราเป็น Lifestyle Product ติดตามไลฟ์สไตล์ชีวิตขอผู้บริโภค เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมไทย ซึ่ง แอนิเทค แล็บพลัส ซีรีส์ ก็จะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับคนไทย” โธมัส พิชเยนทร์ กล่าว