บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) เกมรุกผู้นำครองตลาด Unit Linked

569

การประกันชีวิตในอดีต เป็นเพียงการซื้อตัวช่วยเมื่อเกิดความเสี่ยงในชีวิต  ยามเจ็บป่วยต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ค่ารักษาพยาบาลที่สูงลิ่ว ก็ได้เงินจากการประกันมาช่วย หรือกรณีเสียชีวิต ก็จะมีเงินก้อนใหญ่คืนให้กับลูกหลาน  แต่ถ้าชีวิตราบรื่นไม่เจ็บป่วยหนักหนาถึงโรงพยาบาล หรืออายุยืนยาวไม่เสียชีวิต เงินประกันนี้ก็จะหายวับเมื่อหมดสัญญา

แต่วันนี้ การประกันชีวิต ถูกพัฒนารูปแบบให้กลายเป็นการลงทุน ในชื่อ Unit Linked ที่นอกเหนือจากความคุ้มครองการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือเสียชีวิตตามปกติ ยังนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในกองทุนรวม  ที่มีโอกาสทำให้เงินงอกเงยได้  กลายเป็นผลิตภัณฑ์ยอดฮิตที่บริษัทประกันชีวิตนำมาเจาะตลาดบน  และผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตอย่าง เอไอเอ ก็ถือเป็นผู้นำในตลาดนี้

ล่าสุดเอไอเอ ประกาศเปิดตัว บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด (AIAIMT) มุ่งเน้นบริหารจัดการกองทุนรวมภายใต้กรมธรรม์ยูนิต ลิงค์ นำความเชี่ยวชาญในการบริหารพอร์ตกว่า 30 ปี เชื่อมโอกาสการลงทุนผ่านเครือข่ายทั่วโลก ยกระดับการบริหารการลงทุนเพื่อความยั่งยืน และการประกอบธุรกิจโดยยึดหลัก ESG พร้อมชูจุดเด่นค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนรวมเชิงรุกที่ลดลง เพื่อสร้างอัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าให้แก่ลูกค้า

ดร. มาร์ค โคนิน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน กลุ่มบริษัทเอไอเอ  กล่าวว่า กลุ่มบริษัทเอไอเอ เล็งเห็นถึงศักยภาพในการบริหารสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาลของเอไอเอ ประเทศไทย ซึ่งลงทุนทั้งในตลาดตราสารหนี้ ตลาดตราสารทุน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การสนับสนุนด้านทรัพยากรหลายภาคส่วนจากกลุ่มบริษัทเอไอเอ โดยตลอดระยะเวลา 82 ปีที่ เอไอเอ ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้พิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ  โดยปัจจุบันกว่า 1 ใน 3 ของกรมธรรม์ประกันชีวิตในประเทศไทยเป็นกรมธรรม์ของเอไอเอ  และถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดการลงทุนของไทย สำหรับการเปิดบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งสำหรับเอไอเอในประเทศไทย

“วันนี้ บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะเป็นหนึ่งในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ที่ยาวนาน และประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการการลงทุนทางการเงินมามากกว่า 3 ทศวรรษ  มุ่งเน้นการดำเนินงานตามนโยบายการลงทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable investment) และการประกอบธุรกิจโดยยึดหลัก ESG (Environmental, Social and Governance) ที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล เช่นเดียวกับนโยบายของกลุ่มบริษัทเอไอเอที่เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณภาพและคุณธรรมตามหลัก ESG จะสามารถเพิ่มโอกาสการสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างยั่งยืน” ดร. มาร์ค กล่าว 

ด้าน สุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ของเอไอเอ ประเทศไทย และเงินลงทุนในกองทุนรวมจากกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของเอไอเอ ประเทศไทย เพื่อมอบบริการด้านการลงทุนและผลประโยชน์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า

ปัจจุบัน บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารรวมมูลค่า 847,000 ล้านบาท พร้อมมีทีมผู้บริหารจัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนกว่า 30 ปี ทั้งในตลาดไทยและตลาดสากล ซึ่ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะประสานความร่วมมือกับเครือข่ายการลงทุนของกลุ่มบริษัทเอไอเอทั่วโลก ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อบริหารการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

“การก่อตั้ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จึงเป็นโอกาสอันดีที่ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ของเราจะได้เปิดประตูสู่เครือข่ายการลงทุนระดับโลกของเอไอเอ ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ที่มุ่งมั่นลงทุนเคียงข้างลูกค้าบริหารจัดการสินทรัพย์ผ่านความชำนาญและประสบการณ์ระดับโลก  พร้อมการนำเทคโนโลยีการลงทุนขั้นสูงและมีความปลอดภัยสูงสุดมาใช้ในการทำงาน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับผู้ลงทุน โดย บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ด้วยการขยายช่องทางในการลงทุนระดับสากล ผ่านเครือข่ายการลงทุนทั่วโลกและพันธมิตรทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงยาวนานร่วมร้อยปี อาทิ BlackRock, Wellington Management และ Baillie Gifford เป็นต้น ซึ่ง บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) จะนำเงินลงทุนของลูกค้าไปลงทุนด้วยความใส่ใจ เสมือนเป็นเงินลงทุนของเราเอง”  สุขวัฒน์ กล่าว

บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้จัดตั้งกองทุนรวมจำนวน 9 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ 5 กองทุน และกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ 4 กองทุน โดยเน้นการลงทุนเพื่อผลตอบแทนในระยะยาว ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการบริหารความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ อย่างรอบคอบ โดยเบื้องต้น บลจ.เอไอเอ (ประเทศไทย) ได้เปิดตัวกองทุนรวมในประเทศ 5 กองทุน และสำหรับกองทุนรวมต่างประเทศจะมีการเปิดตัวในเร็ว ๆ นี้