แม่ทัพใหม่โตเกียวมารีนประกันชีวิต ดึงประสบการณ์จากญี่ปุ่นสู้ศึกตลาดไทย

1344

เวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจประกันชีวิตต้องปรับตัวกันจริงๆ

คงไม่ใช่ต้องปรับตัวจากวิกฤตโควิด-19 แต่เป็นการปรับตัวจากสภาพเศรษฐกิจที่ดำดิ่งกันมาตั้งแต่ปีสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยที่ตกต่ำจนมองไปว่า จะไปถึงสภาพเงินฝากที่ไม่มีดอกเบี้ย จนถึงต้องเสียค่าฝากเหมือนที่ญี่ปุ่นเคยประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินฝากติดลบ -0.1%  หรือเปล่า

สภาพเช่นนี้ทำให้การขายกรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ ดึงดูดลูกค้าด้วยผลตอบแทนสูง ๆ  ที่เคยเฟื่องฟูกันมาตั้งแต่ 10-20 ปีก่อน และยังมีการขายมาจนถึงปัจจุบัน เพราะมีมูลค่าเบี้ยประกันสูง ต้องสั่นสะเทือน จนผู้บริหารบริษัทประกันหลายๆท่านมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า เป็นระเบิดเวลาที่รอการระเบิด

และน่าจะเป็นจังหวะที่ดีของโตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) ที่ประกาศตัวแม่ทัพขององค์กรคนใหม่ โตโยทาเกะ คูวาตะ ที่มีประสบการณ์ในการบริการธุรกิจประกันผ่านช่วงเวลาที่ดอกเบี้ยดิ่งลงในญี่ปุ่นมาแล้ว

โตโยทาเกะ คูวาตะ  เข้ามาร่วมงานกับโตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) ตั้งแต่เดือนเมษายนปีที่ผ่านมา และได้รับการแต่งตั้งเป็น CEO ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีประสบการณ์ในธุรกิจการประกันชีวิต และการประกันวินาศภัยกับ Tokio Marine Group ยาวนานกว่า 24 ปี เริ่มจากการทำงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 10 ปี และในฝ่ายทรัพยากรมนุษย์โดยให้บริการโซลูชั่นสำหรับการปฏิรูประบบงาน 6 ปี อีกทั้งยังมีประสบการณ์ในบทบาทผู้บริหารสาขา ที่เมืองอุทสึโนะมิยะ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาย่อยที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 ปี และได้นำทีมงานฝ่ายขายรายใหญ่ 300 หน่วย เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัยและประกันชีวิต รวมทั้งเป็นผู้นำโครงการในการนำโปรแกรมประกันภัยที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์สำหรับแพทย์ทุกคนมาใช้ในญี่ปุ่น

โตโยทาเกะ คูวาตะ กล่าวว่า  ประเทศไทยมีสภาพเศรษฐกิจที่เดินตามญี่ปุ่น ตนก็เชื่อว่า อัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยคงไม่ติดลบเหมือนในญี่ปุ่น แต่ก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งโตเกียวมารีนประกันชีวิตก็วางแผนในการหันไปเน้นการขายประกันสุขภาพให้มากขึ้น  ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งประสบการณ์สำคัญที่เคยบริหารงานธุรกิจประกันในประเทศญี่ปุ่น  คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้คน ซึ่งเทรนด์หนึ่งที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น และกำลังคืบคลานเข้าสู่เมืองไทย คือ เทรนด์สังคมผู้สูงอายุ   ก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และเทรนด์ของคนไทยมานำเสนอเช่นกัน

“ผมเข้ามาร่วมงานกับ โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 รับผิดชอบงานด้านการตลาดสำหรับลูกค้าประกันกลุ่ม โดยดูแลลูกค้าญี่ปุ่นเป็นหลักตลอดระยะเวลา 1 ปี และได้เข้ารับผิดชอบในตำแหน่ง CEO ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา จากการสนับสนุนของลูกค้าและความทุ่มเทของพนักงานทุกคนในบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่องทางการขายผ่านตัวแทน ภายใต้การนำของคุณสมโพชน์  เกียรติไกรวัล ทำให้ช่องทางตัวแทนเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ผมมีความมั่นใจที่จะนำพาบริษัทก้าวข้ามความท้าทายสำคัญในการขยับขึ้นสู่การเป็นบริษัท Top 10 ในระยะเวลาอันใกล้นี้”  โตโยทาเกะ คูวาตะ กล่าว

CEO โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2562  ว่า มีผลประกอบที่เติบโตขึ้นในทุกกลุ่ม  โดยเบี้ยประกันภัยรับปีแรกทำได้ 1,671 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีต่อทำได้  5,692 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,363 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม 15% โดยสัดส่วนการขายหลักมาจากช่องทางการขายผ่านตัวแทน

สำหรับในปี 2563 โตโยทาเกะ ได้ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,837 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 6,590 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับรวม 8,427 ล้านบาทเติบโต 15 % ซึ่งผลงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) ก็สามารถทำผลงานเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,621 ล้านบาท เติบโต 12% แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 798 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 2,823 ล้านบาท

โตโยทาเกะก็คาดว่า แม้สถานการณ์โควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจตกต่ำลง แต่มั่นใจว่าโตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) จะสามารถทำยอดเบี้ยประกันได้ตามเป้าหมายอย่างแน่นอน

ด้าน สมโพชน์ เกียรติไกรวัล ประธานที่ปรึกษาสำนักกรรมการผู้จัดการและสายงานตัวแทน เผยถึงผลประกอบการ ช่องทางการขายผ่านตัวแทนของบริษัทมีการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยในปี 2562 ที่ผ่านมา ช่องทางตัวแทนผลิตเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 1,248 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 3,968 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวม 5,215 ล้านบาท เติบโต 15 % เมื่อเทียบกับปี 2561 สำหรับผลผลิตปี 2563 ณ เดือนมิถุนายน มีเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 553 ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 1,780 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,333 ล้านบาท เติบโต 13% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่ผ่านมา  โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยปีแรก 1,400 ล้านบาท   เบี้ยประกันภัยรับปีต่อ 4,646 ล้านบาท รวมเบี้ยประกันภัยรับรวม 6,046  ล้านบาท เติบโต 13%

สมโพชน์ กล่าวว่า ในปีนี้โตเกียวมารีนประกันชีวิต(ประเทศไทย) ได้กำหนดทิศทางไว้ให้เป็น “ปีแห่งการขยายงาน”  โดยวางเป้าหมายเพิ่มจำนวนตัวแทน ให้มากขึ้น ปัจจุบันมีตัวแทน 4,807 คน  คาดว่าสิ้นปีจะสามารถเพิ่มตัวแทนได้ราว 5,000 – 5,500 คน นอกจากนี้มีแผนที่จะขยายสาขาเพิ่มเติม  6 สาขา โดยได้มีการเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 3 สาขา คือ สาขาแม่สอด จ.ตาก สาขาพิษณุโลก และสาขาอุตรดิตถ์

“ไม่ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจผันผวนที่เกิดขึ้น รวมถึงการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พลังตัวแทนฝ่ายขายของโตเกียวมารีนประกันชีวิต ยังคงสามารถสร้างผลงานเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพวงจากการวางรากฐานในการสร้างทีมงานฝ่ายขายมืออาชีพที่แข็งแกร่ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยให้การขาย และการบริการลูกค้าซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง” สมโพชน์ กล่าว

สมโพชน์กล่าวต่อว่า ช่วงเวลานี้ถือเป็นจังหวะดีที่จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการขยายตัวแทนให้ได้ตามเป้าหมาย  โดย 6 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นช่วงเวลาแห่งความยากลำบาก แต่ตัวแทนก็สามารถสร้างผลงานที่ดี ประกอบกับการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยดึงฝ่ายขายที่เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้ามาร่วมพัฒนา และเน้นการขายกรมธรรม์สุขภาพให้มากขึ้น  โดยเพิ่มสัดส่วนจาก 25%  ในปีที่ผ่านมา มาเป็น 37%  ในปัจจุบัน และคาดว่าจะสามารถขยายสัดส่วนยอดขายกรมธรรม์สุขภาพได้ถึง 40% ในสิ้นปีนี้  ด้วยตัวแทนที่จะมีเพิ่มขึ้น  นำสู่การทำเป้าสิ้นปี 1,400 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายเมื่อต้นปี แม้จะต้องฝ่าฝันวิกฤตโควิด-19 ก็ตาม