ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์’ หรือ ASAP เปิดแผนรับมือผลกระทบ COVID-19 เร่งบริหารลดต้นทุนดำเนินงานในทุกด้านให้มีประสิทธิภาพ หลังรถเช่าระยะสั้นได้รับผลกระทบจากการชะลอเดินทางของนักท่องเที่ยว ส่วนรถเช่าระยะยาวยังต้องมอนิเตอร์สถานการณ์ต่อเนื่อง พร้อมปรับกลยุทธ์การขายรถมือสองผ่าน Online Platform และแฟรนไชส์ asap Select
ทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASAP ผู้ประกอบธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาวแบบครบวงจรสำหรับลูกค้านิติบุคคล รถยนต์ให้เช่าระยะสั้นและรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับภายใต้แบรนด์ asap (เอแซ็ป) เผยว่า บริษัทฯ มีแผนรับมือการแพร่ระบบไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเร่งบริหารจัดการลดต้นทุนในทุกด้าน หลังจาก COVID-19 ทำให้ปริมาณใช้บริการรถยนต์ให้เช่าระยะสั้น รถยนต์ให้เช่าที่คิดค่าบริการตามจริง asap GO และรถยนต์ให้เช่าพร้อมคนขับ ซึ่งมีสัดส่วน 10% ของรายได้รวม ได้รับกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงและนโยบายภาครัฐจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัดของคนไทย
ขณะที่กลุ่มธุรกิจรถยนต์ให้เช่าระยะยาว ณ ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นสัญญาเช่าระยะยาวกับทาง asap เช่น ลูกค้ากลุ่มหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ กลุ่มโลจิสติกส์ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ต้องประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากลูกค้าบางรายเริ่มมีการร้องขอขยายการชำระค่าเช่าจากเหตุที่ธุรกิจของลูกค้าได้รับผลกระทบโดยตรง และหากการแพร่ระบาดยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรัฐบาลตัดสินใจประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงนั้น ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจรถเช่ายาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เราประเมินสถานการณ์ COVID-19 อยู่ตลอดเวลาและพูดคุยกับกลุ่มผู้เช่ารถยนต์ระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มพอร์ตลูกค้าเช่ายาวส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มที่แข็งแรง ส่วนลูกค้ากลุ่มธรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กมีการขอชะลอการจ่ายเงินเข้ามาบ้าง แต่โดยรวมก็ยังอยู่ในภาวะที่สามารถบริหารจัดการได้” ทรงวิทย์ กล่าว
ส่วนการจำหน่ายรถยนต์ครบสัญญาเช่านั้น บริษัทฯ ได้ปรับแผนมุ่งเน้นการขายผ่านช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์และแฟรนไชส์ asap Select เพื่อทดแทนการขายผ่านลานประมูลที่ไม่สามารถดำเนินการได้ในปัจจุบัน ส่งผลต่อปริมาณการขายลดลงจากเดิมเฉลี่ย 200 คันต่อเดือน เหลือ 70-80 คัน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ใช้ช่วงเวลานี้ดำเนินการแผน BCP (Business Continuity Plan) ปรับโครงสร้างการบริหารงานภายใน ปรับแผนการลงทุนซื้อรถใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการซ่อมบำรุงที่คาดว่าจะลดลงจากปริมาณการใช้บริการที่ชะลอตัวลง พร้อมเร่งเจรจาบริษัทประกันรถยนต์เพื่อลดภาระการจ่ายเบี้ยประกันในช่วงนี้ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ ASAP ผ่านวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้