ไฮเออร์นำนวัตกรรม ท้าชิงตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

976

ถอยหลังไปสัก 20-30  ปี หากพูดถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าจากเมืองจีน คงมีแต่ภาพของเครื่องใช้ไฟฟ้า OEM ราคาถูก ดีไซน์เชยๆ เทคโนโลยีง่ายๆ สำหรับตลาดล่าง แต่วันนี้ แบรนด์จีน กลายเป็นแบรนด์ผู้นำด้านเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แซงหน้าเยอรมัน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

ไฮเออร์ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากแดนมังกรที่ชูนวัตกรรมมาตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคยุคดิจิทัลทั่วโลก ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ 10 แห่งทั่วโลก สร้างสินค้านวัตกรรมจนสามารถครองแชมป์แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดอันดับ 1 ของโลก  9 ปีซ้อน จากสถาบันยูโรมอนิเตอร์

ในประเทศไทย ไฮเออร์ เข้ามาทำตลาดตั้งแต่ปี 2545  หลังจากเข้าเทคโอเวอร์โรงงานซันโยใช้เป็นฐานการผลิตเครื่องปรับอากาศ  พร้อมตั้งฝ่ายวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ และเปิดศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคนิคสำหรับเครื่องปรับอากาศระดับภูมิภาค วางเครื่องปรับอากาศเป็นหัวหอกในการรุกตลาดประเทศไทย

ที่ผ่านมาตลาดเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ขยับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมาได้ถึง 8%  เป็นอันดับ 5 ในตลาด ในปีหน้าเป้าหมายของไฮเออร์คือการขยับขึ้นเป็นแบรนด์ผู้นำอันดับ 4 ในตลาด ด้วยส่วนแบ่งตลาด 10.7%

จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ไฮเออร์จะรุกหนักกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ รวมถึงเครื่องซักผ้า และตู้เย็น ซึ่งถือเป็นสินค้าเรือธงของบริษัท โดยจะเน้นการนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งาน และเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางถึงบน เพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากเดิมที่ไฮเออร์มีตลาดหลักอยู่ในกลุ่มกลางลงล่าง

โดยการทำตลาดเครื่องปรับอากาศระดับไฮเอนท์ ไฮเออร์มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ เปลี่ยนบทบาทของเครื่องปรับอากาศที่เคยเป็นเพียงอุปกรณ์ให้ความเย็น  เพิ่มฟังก์ชั่นใหม่ให้ทำหน้าที่เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ทำให้อากาศภายในห้องสะอาด สดชื่น ด้วยเทคโนโลยีที่มีเฉพาะสินค้าไฮเออร์  ในกลุ่มพรีเมียมรุ่น Puri Cool Series เป็นแบรนด์แรกและแบรนด์เดียว ที่มาพร้อมฟังก์ชัน Super IFD ฟิลเตอร์ที่ช่วยกรองมลพิษในอากาศอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถกรองฝุ่นที่เล็กขนาด PM 2.5 ได้ และกรองอากาศมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับเครื่องกรองอากาศ

นอกจากนั้น เทคโนโลยี Self-Cleaning หนึ่งเดียวที่เครื่องปรับอากาศสามารถล้างตัวเองได้ ที่นำมาใช้กับเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ในรุ่นที่ผ่านมา ก็ยังมีอยู่ในรุ่นใหม่  รวมถึงเทคโนโลยี BNT ที่สามารถปรับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับอุณหภูมิร่างกาย ไม่ให้รู้สึกเย็นจนเกินไป

สำหรับเครื่องซักผ้า 525 series อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับไฮเอนด์ ที่ไฮเออร์เปิดตัวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบรับที่ดี เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ตลาดเครื่องซักผ้าฝาหน้าของไฮเออร์ทำยอดขายได้ถึง 30 ล้านบาทในปีนี้ เพิ่มส่วนแบ่งตลาดเครื่องซักผ้าไฮเออร์มาได้ถึง 4.4%  เป็นอันดับ 3 ในตลาด โดยในปีหน้าไฮเออร์เตรียมขยายไลน์อัพสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค พร้อมนำฟังก์ชั่นที่ทันสมัยสำหรับยุค IOT ด้วยระบบ WIFI สามารถสั่งงานแบบไร้สาย รวมถึงฟังก์ชั่นการซักอบแห้งแบบ 2 in 1 และคงคอนเซ็ปต์ Bigger is Better พร้อมเตรียมเปิดตัว เครื่องซักผ้าถังซักขนาด 601 มม. ที่ใหญ่ที่สุดในโลก วางเป้าที่จะขยายส่วนแบ่งตลาดให้ถึง 10%

ด้านตู้เย็น Navicooling ที่เปิดตัวกลางปีนี้เช่นกัน ก็สามารถครองใจตลาด Mid High-end  ได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยนวัตกรรมที่สร้างสรรค์มาเพื่อเอาใจผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะฟังก์ชั่นอย่าง Snow beverage  ที่สามารถทำเครื่องดื่มให้เป็นวุ้นรวดเร็ว พร้อมช่องแช่แข็งที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ถึง 5  แบบตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รวมทั้งภาพลักษณ์ใหม่ที่ไฮเออร์ มองว่าการดีไซน์คือสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า  สามารถเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งของบ้านได้ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดตู้เย็นของไฮเออร์เพิ่มขึ้นเป็น 5.7%  และในปีหน้า ไฮเออร์ เตรียมเปิดตัวตู้เย็น Navicooling+ ที่จะมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้น คาดว่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 8%

จาง กล่าวถึงยอดขายในปี 2561 คาดว่าเมื่อสิ้นไตรมาส 4 จะมีรายได้ราว 3,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เทียบกับปี 2560  ถือเป็นผลประกอบการที่น่าพอใจ เพราะสภาพเศรษฐกิจซบเซา แต่หลายกลุ่มผลิตภัณฑ์มีการเติบโตเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเครื่องปรับอากาศทำรายได้ 1,610 ล้านบาท, ตู้เย็น 610 ล้านบาท, เครื่องซักผ้า 460 ล้านบาท, ตู้แช่แข็ง 360 ล้านบาท เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ 185 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ 175 ล้านบาท

ด้านธเนศร์ บินอาซัน รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ไฮเออร์ อิเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์(ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ในปีนี้ ไฮเออร์ ประเทศไทยมีการเติบโตถึง 28% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญคือ การนำสินค้าในระดับกลางถึงบนเข้ามาทำตลาดครบทุกไลน์สินค้า  การวางโครงสร้างราคาเพื่อให้ผู้ค้าและผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด  มีการเพิ่มช่องทางการขายจาก  225 ร้านค้า เป็น 549 ร้านค้า  การแยกทีมขายเครื่องปรับอากาศออกจากทีมขายหลัก เพื่อการทำงานที่คล่องตัวมากขึ้น และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายใหญ่ทั่วประเทศ 4 ครั้ง พร้อมได้ บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์มาเป็นพรีเซนเตอร์

สำหรับในปีหน้า ไฮเออร์ ประเทศไทย วางเป้าหมายรายได้ 5,800 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มรายได้เครื่องปรับอากาศโดยรวมให้ถึง 2,700 ล้านบาท  โดยจะมีการเพิ่มสินค้ากลุ่มไฮเอนท์เข้าสู่ตลาดในทุกกลุ่มสินค้า เสริมทัพสินค้าไฮเออร์ให้มีครบตั้งแต่ตลาดบนลงมาถึงตลาดล่าง  พร้อมเพิ่มช่องทางการขายเป็น 950 แห่ง เพิ่มพนักงานด้านการขายจากปัจจุบัน 70  คน เป็น 90 คน เพื่อรับผิดชอบดูแลร้านค้าได้ดีขึ้น  ขณะที่กิจกรรมส่งเสริมการขายก็จะจัดต่อเนื่องทั้งการจัดกิจกรรมตามฤดูกาลขาย และการจัดกิจกรรมร่วมกับพรีเซนเตอร์ บอย-ปกรณ์ ที่ต่อสัญญาเป็นปีที่ 2

ธเนศร์ เชื่อว่า โอกาสในการเติบโตของไฮเออร์ในเมืองไทยยังมีอีกมาก เพราะปัจจุบันร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในไทยมีอยู่ราว 3,400 ร้านแห่งทั่วประเทศ แต่ไฮเออร์ มีเพียง 500 แห่งและจะเพิ่มได้เพียง 900 แห่งปีหน้า ยังมีโอกาสมากกว่า 50% ที่แบรนด์ไฮเออร์ยังเข้าไปไม่ถึง

“ปีหน้าเศรษฐกิจจะดีเพียงใด เราคาดเดาไม่ได้ แต่ไฮเออร์คงไม่รอให้เศรษฐกิจดี ต้องวิ่งเข้าหาผู้บริโภค นำฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเข้าไปนำเสนอ สร้างความพึงพอใจ เพื่อให้ผู้บริโภคยอมรับ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์ คือเป้าหมายอันดับ 1 ของไฮเออร์ทั่วโลก” ธเนศร์ กล่าว