บริษัทวิจัยการตลาด Canalys ระบุว่าจากผลการสำรวจตลาดสมาร์ทโฟนเมืองไทยในช่วงไตรมาส 3/2561 (กรกฎาคม-กันยายน) พบว่า แบรนด์ออปโป้ ครองเป็นอันดับ 2 ของตลาดสมาร์ทโฟนประเทศไทย ในด้านของมูลค่าทางการตลาดและยอดจำนวนเครื่องไปเรียบร้อยแล้ว
โดยมูลค่าทางการตลาดของ Samsung ครองอันดับ 1 ด้วย 24% ส่วน OPPO นั้นมีมูลค่าทางการตลาดกว่า 18 % ของสมาร์ทโฟนในประเทศไทย และถ้ากล่าวถึงด้านยอดจำนวนเครื่อง Samsung คิดเป็นอันดับ 1 ด้วย 22.3% และ OPPO เป็นอันดับ 2 ด้วย 19.1%
รายงานดังกล่าวยังระบุเหตุผลที่ทำให้แบรนด์ OPPO ได้รับการตอบรับที่ดีด้วยว่า เป็นเพราะเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงที่ช่วยพัฒนาด้านตลาดสมาร์ทโฟน
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของแบรนด์ออปโป้นั้นได้แก่ OPPO Find X ที่มาพร้อมเทคโนโลยี 3D structured light เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในนวัตกรรมเรื่องกล้อง เช่น Stealth 3D Cameras กล้องเลื่อนสไลด์ขึ้น-ลงที่ สามารถเลื่อนได้มากกว่า 300,000 ครั้ง รวมทั้งเมื่อเครื่องตกจะมีกลไกการป้องกันกล้องสไลด์ ซึ่งจะช่วยป้องกันความเสียหายให้กับเครื่องได้อย่างดี
OPPO R17 Pro
และการมาของ OPPO R17 Pro ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยี TOF ตัวใหม่สำหรับวงการอุตสาหกรรม TOF ซึ่งนอกจากถ่ายภาพ 3 มิติได้แล้ว สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับแอพพลิเคชั่นที่รองรับ TOF ได้อีกด้วย
หรือ OPPO R17 Pro ที่เปิดตัวพร้อม SuperVOOC Flash Charge ที่ชาร์จไฟได้มากถึง 40% ภายในเวลา10 นาที กำลังไฟฟ้า 50 วัตต์ ซึ่งตัวนี้ถือเป็นที่ชาร์จที่เร็วที่สุดในโลกตอนนี้
ขณะเดียวกันแบรนด์ออปโป้ยังเตรียมพร้อมสำหรับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่นของเรือธง และหวังว่าจะเปิดประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับผู้ใช้คนไทย
“ตั้งแต่รุ่น OPPO R15 Pro, OPPO F9 ที่ใช้ดีไซน์แบบไล่เฉดสี ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาโดยตลอด เพราะอยากฉีกกฎแบบเดิมๆ สร้างสรรค์ดีไซน์แบบใหม่ให้ไม่เหมือนใครแต่ดูน่าค้นหา และรุ่นที่ใกล้จะเปิดตัว OPPO R17 Pro มาพร้อมกับดีไซน์ไล่เฉดสีแบบใหม่ (Radiant Mist) เป็นสีไล่เฉดสีฟ้าเข้มและม่วง”
ทั้งนี้ ออปโป้ เล็งเห็นว่าสมาร์ทโฟนไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เพื่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ควรให้ความสำคัญกับเรื่องดีไซน์หรือการออกแบบ เช่นกัน นอกจากนี้ “ออปโป้” ยังมีระบบการผลิตและโรงงานเป็นของตัวเอง จึงสามารถควบคุมคุณภาพได้
OPPO Service Center
ไม่เพียงเท่านี้ ออปโป้ยังให้ความสำคัญกับการใส่ใจเรื่องบริการหลังการขาย และอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า โดยปัจจุบันมี OPPO Service Center ทั้งหมด 48 สาขาทั่วประเทศ พร้อมมีช่างที่ชำนาญงานรอบริการอยู่ทุกสาขา งานซ่อมทุกชนิดสามารถทำเสร็จได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งสามารถรอรับได้ทันที และในกรณีส่งเครื่องซ่อมทางไปรษณีย์ใช้เวลาในการซ่อมภายใน 7 วันเท่านั้น
และนี่คือ เหตุผลที่ Canalys ระบุว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ OPPO ครองตลาดสมาร์ทโฟน เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทยที่เบียดอันดับ1 อย่างแบรนด์ Samsung มากขึ้นทุกที